มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: อีซูซุเพรสทริป MU-X RS ประสบการณ์สุดพีคอีซูซุ พาทีมสื่อมวลชนสายรถยนต์ชั้นนำ ร่วมออกสตาร์ทความพีคกับอีซูซุ MU-X RS โดยผู้เขียนได้ขับรุ่น MU-X 4x2 3.0 RS AT โดยเริ่มต้นกันที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเดินทางกันเป็นขบวน แต่ก็ขับกันยาวๆ สู่จังหวัดเชียงราย ทีมได้พาแวะบริฟเส้นทางและพักจิบเครื่องดื่มกันก่อนที่คาเฟ่เก๋ๆ ในตัวเมืองพร้อมเก็บภาพเพื่อบันทึกเป็นความทรงจำขับสู่คสามพีคยาวๆ ระหว่างการเดินทาง เจอทั้งฝนตก ทางคดเคี้ยว และช่วงซ่อมทำถนน ทั้งหมดพอให้เราได้ทดสอบสมรรถนะล้ำๆ ช่วยให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า กล้องรอบคัน องศา ที่ให้ภาพคมชัด แถมยังมีระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมใหม่ด้วย เรามาพักรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภูน้ำสรวยร้านอาหารริมเขื่อนแม่สรวย ที่วิวสุดพีค ล้อมรอบไปด้วยวิวเขื่อนและภูเขา หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ตะลุยเส้นทางขุนเขากันต่อ มุ่งหน้าสู่สามเหลี่ยมทองคำดินแดนแห่งภูมิทัศน์งดงามอันเป็นเขตรอยต่อพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคเหนือ ทริปนี้พักกันที่รีสอร์ทสุดหรูที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม และความสะดวกสบายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สามารถมองเห็นฝั่ง สปป.ลาว ที่สเมือนเมืองใหม่ได้อย่างขัดเจน นับเป็นจุดที่แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ของไทยที่อยู่ติดกับลาว ก่อนปิดท้ายการเดินทางวันแรกด้วยอาหารนานาชาติท่ามกลางไอเย็นของขุนเขาโอบล้อมด้วยธรรมชาติยามค่ำคืน แต่มีช่วงเวลาสำหรับการข้ามฝั่งระหว่างกัน
นอกจากขับรถทางไกลมาถึงที่นี่แล้ว ยังได้นำรถอีซูซุ MU-X RS มาร่วมเดินกับสื่อฯ และช้าง ซึ่งจะมีควาญช้างคอยดูแลและมีผู้เชี่ยวชาญที่อธิบายเกี่ยวกับมูลนิธิโกลเด้น ไทรแองเกิ้ล เอเชียน เอเลเฟนท์ (ที่ก่อตั้งขึ้นในปี โดยกลุ่มโรงแรมอนันตรา เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตช้างในประเทศไทยและแถบเอเชีย ช่วยแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนและการลดจำนวนช้างบนท้องถนน สื่อมวลชนได้สัมผัสความน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติของบรรดาน้องช้างที่นี่เป็นอย่างมาก ก่อนออกเดินทางไปต่อที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านดอยสะโง๊ะตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน แหล่งเรียนรู้ของหนูน้อยชาวเขาปฐมวัยอายุระหว่าง พร้อมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงมอบอาหารกลางวันให้กับน้องๆ และบุคลากรที่โรงเรียน หลังจากอิ่มอกอิ่มใจกันแล้วก็เดินทางไปพักรับประทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารเบลนด์สุขคาเฟ่สไตล์ฟาร์มที่เต็มไปด้วยแปลงผักออร์แกนิคที่ทางร้านปลูกไว้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร นอกจากจะปลูกเองแล้วก็ยังมีการอุดหนุนผลผลิตจากเกษตรกรในชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่แห่งการปันสุขอย่างแท้จริง ก่อนเดินทางกลับก็ได้มีโอกาสมาสร้างสรรค์งานศิลปะกันที่คาเฟ่และ ชื่อดังของเชียงราย เพื่อทำ เพ้นท์เสื้อสุดครีเอทีฟ ในสไตล์ตัวเองอีกด้วย สรุปการขับ อีซูซุ MU-X รุ่น RS 3.0 RS AT นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการเป็นรถคันเดียวของบ้านที่พาไปท่องเที่ยวใกล้ไกลได้ทั้งครอบครัว นั่งสบายตลอดการเดินทาง และเพลิดเพลินไปกับระบบอินโฟเทนเม้นต์ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย เล่นเพลงโปรดจากแอพฯ Spotify ขับกล่อมความบันเทิงไปตลอด นอกจากนี้ตัวเบาะหนังทำจากวัสดุนุ่มอย่างดีสัมผัสก็ยอดเยี่ยมทำให้นั่งในฝั่งผู้โดยสารหลับได้อย่างไม่รู้ตัว ทริปนี้ขับจากเชียงใหม่ไปเชียงราย 2 วัน 1 คืน สิ้นสุดการเดินทางที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง มองอัตราสิ้นเปลืองจากการขับ 2 วันที่ทางส่วนใหญ่เป็นถนนขึ้นลงทางชันและดอยได้ตัวเลขราว 12 กม./ลิตร มีผู้โดยสารนั่งในรถทั้งหมด 3 คน พร้อมสัมภาระ นับว่าสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับตัวรถและพิจารณาจากเส้นทาง และสมรรถนะที่ได้จากขุมพลังดีเซลเทอร์โบ บลูเพาเวอร์
อีซูซุ MU-X รุ่น RS นับเป็นรุ่นเพิ่มใหม่เข้ามาในซีรี่ย์ มิว-เอ็กซ์ และเป็นรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดด้วยเช่นกันโดยใช้เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที เพียงบล็อคเดียว แต่มี 2 รุ่นให้เลือกระหว่างระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ที่ภายนอกและภายในดูไม่ต่างกันเลย แต่ราคาต่างกันอยู่ 1 แสนบาท ซึ่งการเลือกคงเป็นเรื่องของความจำเป็นในการใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมากน้อยแค่ไหนมากว่า
