แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 43
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
ซ่อมบำรุงอาคาร: 5 เทคนิคง่าย ๆ ในการตรวจหารอยแตกร้าวรั่วซึม

สภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนในช่วงรอยต่อของฤดูกาลแบบนี้ ก็มักจะมีพายุฝนเข้ามาบ่อยครั้ง ทำให้ฝนตกกระหน่ำ หากบ้านที่เราพักอาศัยผ่านกาลเวลามานานก็อาจจะพบเจอกับปัญหารอยรั่วแตกราว เมื่อมีฝนตกก็มีโอกาสที่น้ำจะไหลซึมเข้ารอยแตกร้าวและมีโอากาสที่จะสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้าง หรือข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้ หากเราพบเจอปัญหาความเสียหายของตัวบ้านก็ควรจะเรียกช่างมาซ่อมแซม ก่อนจะเข้าฤดูฝนอย่างจริงจังในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เราจึงนำวิธีการสังเกตุและวิธีการตรวจสอบมาแนะนำให้คุณสามารถตรวจหารอยรั่วด้วยตัวเองกับ 5 เทคนิคง่าย ๆ ในการตรวจหารอยแตกร้าวรั่วซึม รับรองว่านำไปใช้ได้จริงแน่นอน

1. สังเกตจากฝ้า
วิธีแรกเป็นการสังเกตแบบมาตรฐานทั่ว ๆ ไป ให้สังเกตจากฝ้า ดูคราบน้ำตามขอบฝ้าจะมีร่องรอยของน้ำอยู่ หรือไม่ก็สังเกตที่สีทาฝ้าก็ได้ จะมีคราบเป็นดวง ๆ ด่าง ๆ ถ้าเห็นแบบนี้ ชัวร์เลยว่าหลังคารั่วแน่ ๆ จากนั้นให้หาดินสอมามาร์คเอาไว้ หรือจะถ่ายรูปให้ช่างดูก็ได้จะเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ปัญหาของการเกิดน้ำรั่วอยู่ที่ หลังคา เจ้าของบ้านควรดูและและหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งถ้าเป็นบ้านเก่าด้วยล่ะก็ อาจเกิดจากความเสื่อมสภาพได้ เช่น สกรูยึดหลังคาหลวม กระเบื้องหลังคาแตกร้าว เป็นต้น ควรหาช่างที่มีความชำนาญมาเช็ค หากพบว่าแตกหรือรั่วก็ควรรีบเปลี่ยนโดยด่วน

2. ดูจากแสงที่ลอดลงมาใต้หลังคา
วิธีต่อมาอาจต้องปีนดูใต้หลังคาแล้วสังเกตว่ามีจุดไหนที่แสงสว่างลอดส่องลงมาจากหลังคาบ้าง ถ้าเห็นแบบนั้นแล้ว หลังคาบ้านคุณรั่วแน่ ๆ แต่ถ้าบ้านไหนมีจุดเปิด หรือช่องเซอร์วิสบางจุดล่ะก็ วิธีเดียวที่จะช่วยได้ก็คือ การหารอยหรือคราบน้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

3. ทำฝนเทียมให้รู้กันไปเลย
อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ทำได้เองคือ การใช้สายยางฉีดน้ำรดไปบนหลังคาโดยตรง ฉีดไปทั่ว ๆ นาน ๆ ให้คนนึงฉีดอีกคนนึงคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านล่าง ถ้ารั่วจริงก็จะเห็นเป็นคราบน้ำไม่ก็หยดลงมาเป็นสาย ให้เราเห็นคาตาเลย แต่ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาใช้ เพราะอาจทำให้หลังคาเสียหายได้ จากที่ไม่มีปัญหาก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยล่

4. ดูจากภายนอกบ้าน
วิธีนี้อาจต้องใช้ทักษะในการสังเกตมากหน่อย ตรวจดูว่าบนกระเบื้องมีรอยแตก รอยร้าวบ้างมั๊ย หรือไม่ก็ดูที่รอยต่อของกระเบื้อง บริเวณน็อตหลังคาหลุดหรือหลวมมั้ย ดูรูปทรงหลังคาว่าได้ระดับดี มีความสมมาตรมั้ย ต้องดูว่าไม่เอียงหรือบิดเบี้ยว ไม่เผยอ ครอบหลังคาปิดมิดชิดหรือไม่ รวมไปถึงมีอุปกรณ์ยึดหลังคาครบถ้วน และอยู่ในสภาพดีมั้ย

5. บริเวณวงกบประตูและหน้าต่างผิดปกติมั้ย
นอกจากปัญหาหลังคารั่วแล้ว อีกสาเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้จากบริเวณขอบวงกบประตูและหน้าต่าง เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถทำให้เกิดรอยรั่วและมีน้ำซึม ดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำเกิดขึ้นตามขอบวงกบเหล่านั้นรึเปล่า ถ้าชื้นหรือมีคราบน้ำนั่นแสดงว่าเกิดรอยรั่วจากวงกบแน่นอน อาจหาซิลิโคนหรือลองดูว่ามีรอยแตกร้าวตรงผนังก็ให้หาทางรีบซ่อมแซมด่วน

3
เผยข้อดี ของการจัดฟันเด็ก

การจัดฟัน ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก คือการรักษาที่จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีฟันที่สวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้เข้ารับการจัดฟันให้มีความมั่นใจ มีรอยยิ้มที่สดใสอีกด้วย ซึ่งการจัดฟันนั้น มีด้วยหลากหลายรูปแบบ โดยทันตแพทย์จะทำการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

ซึ่งการจัดฟันด้วยที่เรามักจะพบเห็นได้บ่อยก็คือ การจัดฟันที่มีเครื่องมือแบบติดแน่น ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบนี้ เป็นการจัดฟันแบบนี้เป็นแบบมาตรฐานที่นิยมจัดกันทั่วไป และต้องเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันทุกๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน และการจัดฟันแบบนี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดฟันชนิด รวมไปถึงสีสันของยางที่มีให้เลือกใช้ได้หลากหลายอีกด้วย และในปัจจุบันนี้การจัดฟันก็มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา ทำให้การจัดฟันมีหลากหลายชนิดมากยิ่งถึง แม้กระทั่งการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 12-15 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ฟันน้ำนมหลุดหมดแล้ว และมีฟันแท้ขึ้น และยังเป็นช่วงที่ขากรรไกรกำลังเจริญเติบโตด้วย

ซึ่งในวันนี้ทางคลินิกเราจะมารพูดถึงข้อดีของการจัดฟันในเด็ก ซึ่งเด็กในวัยนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลาของท่านให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงแม้ว่าการจัดฟันในเด็ก จะยังไม่มีความจำเป็นมากนัก แต่ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ก็ควรพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจรวจฟันกับทันตแพทย์ หรือถ้าหากมีปัญหาในเรื่องของรูปร่างของฟันก็สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้าไปปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่อาจจะสงสัยในเรื่องของการจัดฟันในเด็กว่ามีข้อดีอย่างไร

ทางคลินิกก็จะมาตอบในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ว่า เมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันแล้วจะส่งผลดีอย่างไรต่อสุขภาพช่องปาและฟันของเด็กบ้าง ซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบไหน หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีฟันที่เรียงตัวสวยขึ้น มีรอยยิ้มที่สวยงาม ช่วยให้เด็กมีความสดใสสมวัย ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสบฟันที่ดีขึ้น สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดีกว่าเดิม สำหรับในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ก็จะทำให้เด็กมีสุขภาพปากและฟันดีขึ้น การทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ส่งผลทำให้ฟันผุน้อยลง และจุดเด่นของการจัดฟันในเด็กก็คือ ช่วยปรับโครงหน้าให้เข้าที่มากยิ่งขึ้น นี่ก็คือข้อดีของการจัดฟันในเด็ก ที่จะช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย เป็นที่ประทับใจต่อผู้พบเห็น

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดของการจัดฟันในเด็กได้ที่คลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก และยังมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน จึงทำให้มั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ และอยากแนะนำ ปลูกฝังให้เด็กๆทุกคนใส่ใจ ตระหนักถึงเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาช่องปากในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
หมอประจำบ้าน: ถุงน้ำดีอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบ หมายถึง ภาวะที่ถุงน้ำดีมีการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) ดังนั้น จึงพบได้บ่อยในผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี และพบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 50-69 ปี

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้และปวดท้องเกิดขึ้นฉับพลันทันที เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (acute cholecystitis)" ซึ่งมักมีอาการปวดท้องรุนแรง นับว่าเป็นโรคที่รุนแรงที่ต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลอย่างรีบด่วน เนื่องเพราะหากปล่อยไว้หรือได้รับการรักษาที่ล่าช้า อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ส่วนน้อยอาจมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่ชัดเจน และมักไม่ได้ถูกวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (chronic cholecystitis)" ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นซ้ำซาก จะทำให้ผนังถุงน้ำดีหนาตัว ไม่สามารถขยายตัวและบีบตัวได้เป็นปกติ และหากปล่อยไว้ อาจกลายเป็นถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

ถุงน้ำดีอักเสบพบมากในกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน) ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงสูง

สาเหตุ

ถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) หรือตะกอนในถุงน้ำดี (gall bladder sludge)  เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนหลุดออกจากถุงน้ำดีลงมาอุดตันบริเวณปากถุงน้ำดี (cystic duct) ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้นและมีการขยายตัว ทำให้เยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้เกิดการอักเสบ และบางรายอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น อีโคไล เคล็บซิลลา สเตรปโตค็อกคัส  สแตฟีโลค็อกคัส เป็นต้น) ร่วมด้วย

มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี แต่เกิดเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ อาทิ  โรคติดเชื้อ (เช่น เอดส์ ตับอักเสบจากไวรัส ไทฟอยด์ เป็นต้น), ภาวะอุดกั้นของท่อน้ำดี (จากเนื้องอกในช่องท้อง หรือจากการตีบตันของท่อน้ำดีที่เกิดความผิดปกติ), การผ่าตัดในช่องท้อง, การบาดเจ็บรุนแรง หรือบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก, ภาวะขาดอาหารรุนแรง, การเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่กระทบต่อถุงน้ำดี หรือเกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นต้น มักพบในผู้ป่วยที่สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีการเจ็บป่วยหนัก นอนรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก มีภาวะช็อก หัวใจล้มเหลว หรือโลหิตเป็นพิษ หรือแพทย์ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) เป็นเวลานาน สันนิษฐานว่าปัจจัยเหล่านี้ทำให้ถุงน้ำดีบีบตัวได้น้อย และน้ำดีซึ่งมีความเข้มข้น (เนื่องจากมีไข้สูงจากโรคที่เป็นสาเหตุ และภาวะขาดน้ำ) คั่งค้างอยู่ในถุงน้ำดีนาน ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้น และเยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้ถุงน้ำดีอักเสบ*

*ถุงน้ำดีอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (acalculous cholecystitis) พบได้ราวร้อยละ 5-10 ของผู้ที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบทั้งหมด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากจะเกิดอาการถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้สูงและปวดท้องรุนแรง) แต่มีความรุนแรง (คือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า และถุงน้ำดีแตกทะลุ) และมีอัตราตายมากกว่าถุงน้ำดีอักเสบที่เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (calculous cholecystitis) แพทย์จะทำการรักษาแบบเดียวกับถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน

อาการ

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยมีการอักเสบเกิดขึ้นฉับพลันทันที ด้วยอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องรุนแรง ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา เวลาหายใจลึก ๆ จะปวดเจ็บมากขึ้น  และมักมีอาการกดเจ็บ (ใช้มือกดตรงบริเวณที่ปวดจะรู้สึกเจ็บมาก) อาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวาหรือ ตรงกลางหลัง นอกจากนี้ อาจมีอาการท้องอืด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

อาการมักเกิดหลังกินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารมัน ๆ และจะมีอาการปวดท้องตลอดเวลาต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้รับการรักษา

บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น) และอุจจาระสีซีดขาว เนื่องจากน้ำดีถูกอุดกั้น ระบายสู่ลำไส้ไม่ได้ และย้อนเข้ากระแสเลือด

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งอาการจะกำเริบเมื่อนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวไปอุดตันปากถุงน้ำดี ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องแบบเล็กน้อยตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวา หรือตรงกลางหลัง และอาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน อาการมักเป็นในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน หรือหลังจากกินอาหารมัน ๆ อาการปวดท้องที่เป็นเพียงเล็กน้อยตรงชายโครงขวาและใต้ลิ้นปี่ มักทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย

อาการปวดท้องแต่ละครั้งจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ แล้วก็จะหายไปได้เองอยู่ระยะหนึ่ง (เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวหลุดออกจากปากถุงน้ำดี ทำให้การอุดตันนั้นคลายไป) ต่อมาอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อเกิดการอุดตันกลับมาอีก อาการก็จะกลับมากำเริบใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยอาจมีอาการแรงขึ้นหรือบ่อยขึ้น

บางรายในเวลาต่อมาอาจมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้

ภาวะแทรกซ้อน

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี (empyema of gallbladder) ซึ่งเกิดจากน้ำดีในถุงน้ำดีเกิดการติดเชื้อ กลายเป็นหนองขังอยู่ในถุงน้ำดี อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อ (septic shock) เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีเป็นเนื้อตายเน่า (gangrene of gallbladder) ซึ่งเกิดจากผนังถุงน้ำดีที่อักเสบเกิดการบวมและขยายตัว ทำให้ขาดเลือดและเนื้อเยื่อตาย ถุงน้ำดีเกิดการแตกทะลุ เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบและหนองในช่องท้อง เชื้อเข้ากระแสเลือด กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีที่มีภาวะพองลม (emphysematous cholecystitis) เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีแข็งและตีบตัว ทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่สร้างก๊าซ (gas forming organism เช่น กลุ่มเชื้อคลอสตริเดียม อีโคไล เป็นต้น) ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซ (การพองลม) ในผนังถุงน้ำดีและภายในของถุงน้ำดี เป็นภาวะที่พบได้น้อย พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนี้ ซึ่งมีอัตราตายสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเนื้อตายเน่าและการแตกทะลุของถุงน้ำดี
    ภาวะแทรกซ้อนอื่นที่อาจพบได้ เช่น ภาวะโลหิตเป็นพิษ (เชื้อเข้ากระแสโลหิต) ตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ตับอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง อาจพบภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    มีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง และอาจมีผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงดังกล่าวข้างต้น
    ลำไส้อุดกั้น (small bowel obstruction) เนื่องจากเกิดทางทะลุ (fistula) ระหว่างถุงน้ำดีกับลำไส้เล็ก นิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไปอุดกั้นในลำไส้เล็ก ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืดแน่นรุนแรง เรียกว่า "ภาวะลำไส้อุดกั้นจากนิ่วน้ำดี (gallstone ileus)"
    ท่อน้ำดีเกิดการอุดกั้น จากการกดเบียดของพังผืดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี ทำให้เกิดภาวะดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น และอุจจาระสีซีดขาว) และอาจเกิดการติดเชื้อ ทำให้ท่อน้ำดีอักเสบแทรกซ้อนได้
    การอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของถุงน้ำดีมากกว่าปกติ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกาย ในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันมักพบว่ามีไข้ กดเจ็บมากตรงใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ บางรายอาจตรวจพบอาการตาเหลืองตัวเหลือง

ส่วนในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง จะไม่พบว่ามีไข้ หรืออาการตาเหลืองตัวเหลือง และอาจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจนอื่น ๆ ยกเว้นบางรายอาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (abdominal ultrasound) และการตรวจเลือด (ในถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ และการทำงานของตับผิดปกติ) เป็นหลัก ในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต (โลหิตเป็นพิษ) แพทย์จะทำการเพาะเชื้อจากเลือด (blood culture) และทดสอบความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (endoscopic ultrasound) การถ่ายภาพรังสีตรวจถุงน้ำดีโดยการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจสแกนตับและทางเดินน้ำดี (hepatobiliary scan) การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography/ERCP) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหารเพื่อให้ถุงน้ำดีได้พัก และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ให้ยาบรรเทา (เช่น แก้ปวด แก้ไข้ แก้คลื่นไส้อาเจียน)

2. ให้ยาปฏิชีวนะ รักษาการติดเชื้อ ซึ่งมักจะให้ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นหลัก

3. ทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงน้ำดีอักเสบกำเริบซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ซึ่งจะพิจารณาทำการผ่าตัดในเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นในรายที่มีภาวะที่รุนแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า ภาวะโลหิตเป็นพิษ) หรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดแบบรีบด่วน

การผ่าตัด แพทย์จะเลือกวิธีผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) หรือผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (open cholecystectomy) โดยพิจารณาตามสภาพปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย

ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดถุงน้ำดี แพทย์จะใช้วิธีผ่าระบายถุงน้ำดี (cholecystostomy) โดยทำการเปิดถุงนํ้าดีผ่านทางหน้าท้อง เพื่อระบายเอาหนองหรือน้ำดีออกทางท่อต่อสายยางที่เย็บติดกับทางเปิดนั้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ร่างกายฟื้นตัวหายได้เป็นปกติ

ส่วนน้อยอาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิตหรือโลหิตเป็นพิษ), มีภาวะดื้อต่อยาที่รักษา, หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น)

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบไม่รีบด่วน คือนัดหมายให้ทำในเวลาที่สะดวกและมีการเตรียมความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง การผ่าตัดถุงน้ำดีนอกจากจะได้ผลดีและปลอดภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากการเกิดถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังบางคนที่ยังไม่สะดวกหรือไม่พร้อมที่จะรับการผ่าตัด หากร่างกายยังแข็งแรงดี หรือมีอาการยังไม่มาก แพทย์จะทำการติดตามดูอาการเป็นระยะ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อไม่ให้อาการกำเริบบ่อย

การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นถุงน้ำดีอักเสบ เช่น มีไข้และปวดท้องรุนแรงตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ได้ผล หรือเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
    ผู้ป่วยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ได้ผ่าตัด ซึ่งแพทย์นัดติดตามดูอาการเป็นระยะนั้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ทำงาน และออกกำลังกายได้เป็นปกติ แต่ไม่ให้หักโหมมากเกินไป
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร 
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู มันหมู  หมูสามชั้น หมูกรอบ ขาหมู ข้าวมันไก่ เนื้อวัวติดมัน หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก เนย ครีม กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (เช่น หอยแครง หอยนางรม ปลาหมึก) อาหารทอด (เช่น แคบหมู หมูทอด ไก่ทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบทอด) เป็นต้น
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง หรือปวดท้องบ่อย มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ) หรือมีความวิตกกังวล

   
ผู้ป่วยที่กลับจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด

- ควรพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือยกของหนักจนกว่าจะฟื้นตัวเป็นปกติ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ดูแลรักษาแผลผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารโปรตีนให้มาก เช่น นมพร่องมันเนย ไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง เป็นต้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย วันละ 5-6 มื้อ แต่ละมื้อลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ (จากที่เคยกินวันละ 3 มื้อ)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าแผลอักเสบ, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินมาก ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ), หรือถ้ากินยาที่แพทย์สั่งให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)

การป้องกัน

1. หาทางป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วน้ำดี โดยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

    รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินหรือเป็นโรคอ้วน
    ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ลดเร็วเกินไป เนื่องเพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี
    กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร หรืออดอาหาร
    ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
    กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช
    ออกกำลังกายเป็นประจำ

2. ผู้ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีตามที่แพทย์แนะนำ

ข้อแนะนำ

1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีอาการไข้และปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา) ซึ่งพบได้บ่อยกว่าถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (มีอาการปวดท้องที่ไม่ค่อยชัดเจนและไม่รุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย) นับว่าเป็นภาวะที่ค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการสงสัย ควรไปพบแพทย์ภายใน 6 ชั่วโมง การไปพบแพทย์ล่าช้าเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทำให้เกิดความยุ่งยากในการรักษาหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ

2. ผู้ที่มีอาการปวดตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาแบบไม่รุนแรง หรือมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบ่อย โดยที่สุขภาพทั่วไปเป็นปกติดี และมักมีอาการหลังกินอาหาร เป็น ๆ หาย ๆ คล้ายอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย มักจะเข้าใจว่าเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร (เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ) ถ้าลองกินยาที่ใช้รักษาโรคกระเพาะแล้วอาการไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติเป็นนิ่วน้ำดีแบบไม่มีอาการ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน เป็นต้น)

3. เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไป หลังผ่าตัดใหม่ ๆ ผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาการย่อยไขมันได้ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน หรือถ่ายเหลวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว ทำให้อาการทุเลาไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน ควรกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

6
โรคตาอักเสบจากเชื้อหนองใน (Gonococcal ophthalmia neonatorum)

ตาอักเสบจากหนองใน พบในทารกแรกเกิดที่มารดามีเชื้อหนองในอยู่ในช่องคลอด ปัจจุบันพบได้น้อย

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อหนองใน (gonococcus) จากช่องคลอดของมารดาขณะที่คลอด


อาการ

ทารกจะมีอาการตาอักเสบ หนังตาบวมแดง ลืมตาไม่ได้ และมีขี้ตาแฉะ ลักษณะเป็นหนองสีเหลืองหรือสีเขียว ซึ่งมักจะปรากฏอาการในวันที่ 2-5 หลังคลอด


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจลุกลามจนทำให้เป็นแผลกระจกตา สายตาพิการหรือตาบอดได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

มักตรวจพบขี้ตาลักษณะเป็นหนองสีเหลืองหรือสีเขียว คลำได้ต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโต

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการนำหนองที่ตาไปตรวจหาเชื้อหนองใน (Neisseria gonorrhoeae) ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การย้อมสีแกรม (Gram stain) และตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์, การเพาะเชื้อ, การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Polymerase chain reaction (PCR) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล ให้การรักษาด้วยการฉีดเซฟทริอะโซน (ceftriaxone) ขนาด 25-50 มก./น้ำหนักตัว 1 กก. เข้ากล้ามหรือเข้าหลอดเลือดดำครั้งเดียว และล้างตาด้วยน้ำเกลือทุกชั่วโมงจนกว่าหนองจะแห้ง (แพทย์จะใช้ยาเซฟทริอะโซนด้วยความระมัดระวังในทารกคลอดก่อนกำหนดหรือมีอาการตัวเหลือง)

ผลการรักษา ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ก็จะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นตาบอด


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ทารกแรกเกิดมีอาการหนังตาบวมแดง มีขี้ตาแฉะ ลืมตาไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นตาอักเสบจากเชื้อหนองใน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรได้รับการตรวจกรองโรคหนองใน และให้การรักษาถ้าพบว่าเป็นโรคนี้ และควรตรวจกรองซ้ำในไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์หรือในระยะใกล้คลอด

2. กรณีที่ไม่ได้รับการตรวจกรองมาก่อน หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรได้รับการตรวจกรองโรคหนองในขณะคลอด ถ้าพบว่าเป็นหนองในควรให้ยารักษาโรคนี้ทันที

3. ทารกหลังคลอดทุกราย ไม่ว่าจะคลอดโดยวิธีใด ควรใช้ยาป้ายตาอีริโทรไมซินชนิด 0.5% หรือยาป้ายตาเตตราไซคลีนชนิด 1% ป้ายตา 2 ข้างทันทีหลังคลอด เพียงครั้งเดียว (ถ้าพบว่าไม่ได้ป้ายยานี้หลังคลอดทันที ก็ควรทำการป้ายตาภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด)

4. ทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นหนองในขณะคลอด ควรป้องกันโดยการฉีดเซฟทริอะโซนในขนาดเดียวกับที่ใช้รักษา


ข้อแนะนำ

ถ้าพบทารกแรกเกิดมีอาการตาบวมตาแฉะ ซึ่งเกิดขึ้นใน 2-5 วันหลังคลอด ควรนึกถึงการติดเชื้อหนองใน และควรพาไปพบแพทย์โดยเร็ว


7
การจัดฟันเด็ก ลดโอกาสการเกิดฟันล้มได้หรือไม่

ปัญหาฟันล้ม เป็นการเคลื่อนที่ของฟันที่ล้มหรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเพื่อหาความสมดุลหรือเพื่อยึดเกาะฟันซี่ที่อยู่ข้างเคียงหรือที่เราเรียกกันว่าฟันเกนั่นเอง มักจะพบได้ในฟันซี่ที่อยู่ใกล้ ๆ ฟันที่ถูกถอนออกไปจนเกิดช่องว่างระหว่างฟันและไม่มีฟันมาทดแทน ซึ่งโดยปกติแล้วฟันของเรานั้น มีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และอาการฟันล้มแหล่านี้จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น การบดเคี้ยวอาหารไม่ลงตามแนวแกนของฟัน เกิดปัญหาการสบกระแทกของฟัน หรือลามไปจนถึงอาจก่อให้เกิดโรคปริทันต์ตามมาได้ ซึ่งปัญหาฟันล้มนั้น สามารถเกิดขึ้นในเด็กได้เช่นเดียวกัน หากเด็กมีอาการฟันผุและเกิดสูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะเป็นในช่วงของฟันน้ำนมหรือฟันแท้ ก็ทำให้เกิดฟันล้มได้ เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรที่จะดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้ดี หรือควรที่จะสอนให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันของเด็กได้ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตามมา

ซึ่งปัญหาฟันล้มในเด็กนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเมื่อไหร่เด็กเกิดช่องว่างจากการถอนฟันไปก่อนวัยอันควร ในเด็กที่อายุยังไม่ถึง 12 ปี หรือในเด็กที่ฟันกรามน้อยยังไม่ขึ้น ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม หรือเครื่องมือกันที่ การใส่ก็ไม่ยุ่งยากและไม่เจ็บ โดยในครั้งแรกทันตแพทย์จะลองแบนด์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนแหวนสวมไปที่ฟันที่จะใช้เป็นหลักเพื่อหาขนาดที่พอดีกับฟันซี่นั้นๆก่อน จากนั้นจึงพิมพ์ปากเพื่อจำลองแบบในปากออกมาใช้ในการทำเครื่องมืออีกที แต่การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถป้องกันการเกิดฟันล้มได้เช่นเดียวกัน เพราะถือว่าการจัดฟันเป็นการรักษาที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฟันล้ม ฟันเอียง ฟันเคลื่อนหรือฟันเก เป็นต้น เพราะการจัดฟันเป็นการใช้เหล็กหรือลวดดึงฟันให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือตำแหน่งเดิม ซึ่งการจัดฟันก็สามรถจัดได้หลายวิธีเลย แต่การจัดฟันในเด็กที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันล้มในเด็ก ก็มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ คือการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบ EF Line และการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟัน การสวมใส่เครื่องมือ EF Line นั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันล่างสบคร่อมฟันบน

ถ้าไม่ทำการรักษาจะทำให้ขากรรไกรเจริญผิดปกติ เช่น ขากรรไกรบนถูกจำกัดการเจริญเติบโตในขณะที่ขากรรไกรล่างเติบโตได้ ทำให้เกิดลักษณะใบหน้าเว้า และอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกรได้ ซึ่งอาจจะส่งผลตอการขึ้นของฟันแท้ด้วย และการจัดฟันในเด็กโดยการจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มได้อย่าง 100 % เพราะเครื่องมือการจัดฟัน จะทำให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องได้ ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรหมั่นดูแลความสะอาดของสุขภาพฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาภายในช่องปากเบื้องต้นที่เราย่อมรู้กันดี เพราะการดูแลความสะอาดถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ สามรถตัดปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาได้ เช่น ฟันผุจนต้องถอนฟันและนำมาซึ่งปัญหาของฟันล้ม ฟันเอียงได้นั่นเอง

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาเด็กๆเข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะเรามีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องปัญหาฟันของเด็กและวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้เด็ก เพื่อที่เด็กจะได้มีความเข้าใจในการดูแลรักษาความสะอาดฟัน และจะได้มีฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

8
วิธีเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านให้เหมาะกับสไตล์โมเดิร์น

สำหรับคนที่ชื่นชอบการตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น การเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บ้านของคุณดูเรียบหรูและทันสมัยอย่างที่ตั้งใจไว้ ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดูนะคะ

1. เฟอร์นิเจอร์: เน้นรูปทรงเรขาคณิต
เฟอร์นิเจอร์ในสไตล์โมเดิร์นจะเน้นความเรียบง่ายและเส้นสายที่ตรงไปตรงมา เช่น โซฟาหรือเก้าอี้ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม และ โต๊ะกลางที่ทำจากกระจกหรือโลหะ นอกจากนี้ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีโทนกลางๆ เช่น สีขาว สีดำ หรือสีเทา เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศโดยรวมของบ้าน


2. ของตกแต่ง: เลือกน้อยแต่ดูดี
ของตกแต่งควรเน้นที่ฟังก์ชันการใช้งานและมีดีไซน์ที่โดดเด่น ไม่ควรวางของตกแต่งมากเกินไปจนทำให้บ้านดูรก ลองเลือก แจกันรูปทรงแปลกตา หรือ ภาพศิลปะแบบนามธรรม เพียงไม่กี่ชิ้นมาสร้างจุดเด่นให้ห้องก็เพียงพอแล้ว


3. วัสดุ: ใช้พื้นผิวที่หลากหลาย
การผสมผสานวัสดุที่แตกต่างกันจะช่วยเพิ่มมิติให้บ้านดูน่าสนใจมากขึ้น ลองใช้ พื้นผิวที่ทำจากโลหะ เช่น เหล็กหรือสเตนเลสสตีล เพื่อให้ความรู้สึกที่ทันสมัย หรือ วัสดุธรรมชาติ อย่างไม้หรือหินอ่อน เพื่อสร้างความอบอุ่น


4. แสงสว่าง: สร้างความทันสมัย
แสงสว่างเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บ้านสไตล์โมเดิร์นดูน่าอยู่ขึ้น ลองใช้ โคมไฟเพดานที่มีดีไซน์เรียบง่าย หรือ โคมไฟตั้งพื้นที่มีรูปทรงเรขาคณิต นอกจากนี้ การใช้ไฟแบบซ่อนตามผนังจะช่วยให้บ้านดูมีลูกเล่นและทันสมัยมากขึ้น

เมื่อคุณเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งตามหลักการเหล่านี้ บ้านของคุณจะสะท้อนความเป็นสไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัวและน่าอยู่แน่นอนค่ะ

9
เมนูสร้างอาชีพ ขายข้าวไข่เจียวทรงเครื่องมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย อาหารจานเดียวอิ่มอร่อย

เมื่อพูดถึงอาหารไทย อาหารจานง่ายๆ แต่แสนอร่อยมักเป็นที่ชื่นชอบเสมอ หนึ่งในจานที่ได้รับความนิยมคือข้าวไข่เจียวทรงเครื่องซึ่งเป็นไข่เจียวสไตล์ไทยที่กรอบนุ่มฟู เสิร์ฟบนข้าวสวยร้อนๆ อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบรสชาติดี อาหารจานเดียวจานนี้เหมาะสำหรับรับประทานในทุกช่วงเวลาของวัน ทั้งยังให้ความสะดวกสบายและรสชาติแบบไทยแท้

ข้าวไข่เจียวทรงเครื่องเป็นอาหารจานเดียวที่ทำง่าย อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามความชอบและความเหมาะสม

ข้าวไข่เจียวไทย คืออะไร?

ข้าวไข่เจียวเป็นอาหารยอดนิยมของไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องความกรอบและเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู ในขณะที่ไข่เจียวแบบพื้นฐานประกอบด้วยไข่ น้ำปลา และน้ำมันเพียงเล็กน้อย ข้าวไก่เจียวทรงเครื่องได้เพิ่มส่วนผสมต่างๆ เช่น เนื้อสับ ผักและสมุนไพรหอม ทำให้เป็นอาหารมื้อที่อิ่มท้องและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น

ส่วนผสมที่สำคัญ
ในการทำข้าวไข่เจียว รสชาติดี คุณจะต้องมี:
ไข่ – ฐานของจาน ตีจนฟู
เนื้อสับ (หมู ไก่ หรือกุ้ง) – เพิ่มโปรตีนและเนื้อสัมผัส
หัวหอมและต้นหอม – เพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
มะเขือเทศ – ให้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย
พริก (ไม่จำเป็น) – สำหรับผู้ที่ชอบรสเผ็ด
น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว – สิ่งสำคัญสำหรับการปรุงรส
ซอสหอยนางรม – เพิ่มความเข้มข้นให้กับรสชาติ
น้ำมันปรุงอาหาร – สำหรับทอดให้ภายนอกกรอบ
ข้าวหอมมะลินึ่ง – จับคู่กับไข่เจียวได้อย่างลงตัว

วิธีทำข้าวไข่เจียว
เตรียมส่วนผสม – ตีไข่ในชามแล้วผสมเนื้อสับ หัวหอมสับ มะเขือเทศและเครื่องปรุงรส (น้ำปลา ซอสหอยนางรม และพริกไทยขาวเล็กน้อย)
ตั้งน้ำมันให้ร้อน – ใส่น้ำมันลงในกระทะบนไฟปานกลางถึงสูง วิธีนี้จะช่วยให้ไข่เจียวพองตัวและกรอบ
ทอดไข่เจียว – เทส่วนผสมไข่ลงในน้ำมันร้อนแล้วทอดต่อประมาณ 2-3 นาทีจนเป็นสีน้ำตาลทอง พลิกอย่างระมัดระวังแล้วทอดอีกด้าน
เสิร์ฟบนข้าว – วางไข่เจียวกรอบบนข้าวหอมมะลินึ่งร้อนๆ ตกแต่งด้วยสมุนไพรสดและเสิร์ฟพร้อมซอสพริกหรือซอสศรีราชาเพื่อเพิ่มรสชาติ

ทำไมคุณถึงจะรักอาหารจานนี้
รวดเร็วและง่ายดาย – พร้อมภายใน 15 นาที ถือเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันยุ่งๆ
อร่อยและหลากหลาย – คุณสามารถปรับแต่งส่วนผสมให้เหมาะกับรสนิยมของคุณได้
ประหยัดงบประมาณ – ใช้ส่วนผสมที่เรียบง่ายและราคาไม่แพง
เหมาะสำหรับมื้ออาหารใดๆ – เพลิดเพลินกับอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น

ข้าวไข่เจียวเป็นอาหารชั้นเลิศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ กรอบ นุ่ม และรสชาติเข้มข้น ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในการทำอาหารไทยหรือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของอาหารไทยไก่เจียวทรงเครื่องก็เป็นเมนูที่ต้องลองชิม เพราะจะผสมผสานความเรียบง่ายและความอร่อยไว้ในทุกคำ ลองทำกินเองที่บ้านและสัมผัสรสชาติอาหารไทยในครัวของคุณเอง



10
หมอออนไลน์: กินสารพิษหรือยาพิษ (Ingestion of poisons)

สารพิษหรือยาพิษ ที่เข้าสู่ร่างกายโดยการกินที่พบบ่อย ๆ ได้แก่

1. ยา เช่น ยาที่ใช้ภายนอก (ทิงเจอร์ไอโอดีน ด่างทับทิม) ยาแก้ปวด (แอสไพริน พาราเซตามอล) ยานอนหลับ ยาถ่าย ยารักษาโรคหัวใจ เป็นต้น

ยาพวกนี้ถ้ากินเข้าไปจำนวนมากอาจเป็นพิษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก

2. วัตถุเคมีที่ใช้ในบ้าน เช่น ผงซักฟอก น้ำยาขัดพื้น แลกเกอร์ ทินเนอร์ น้ำมันก๊าด ดีดีที เป็นต้น

3. สารเคมีที่ใช้ในทางเกษตรกรรม เช่น ยาฆ่าแมลง ยาปราบวัชพืช เป็นต้น

4. ยาพิษที่ใช้เบื่อสัตว์ เช่น ยาเบื่อหนูหรือสุนัข

5. สัตว์หรือพืชพิษ อ่านเพิ่มเติมใน พิษปลาปักเป้า พิษแมงดาถ้วย, พิษปลาทะเล, พิษหอยทะเล, พิษคางคก และพิษเห็ด

สาเหตุ

เด็กบางคนอาจกินสารพิษเพราะความไม่รู้ภาษาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น ดื่มน้ำมันก๊าด หรือกินยาเม็ดที่มีสีสันสวย ๆ หรือกินยาน้ำที่ออกรสหวาน เป็นต้น

ผู้ใหญ่อาจกินสารพิษเพราะความเผอเรอ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจงใจที่จะฆ่าตัวตายได้

อาการ

อาการขึ้นกับชนิดและปริมาณของสารพิษ และระยะเวลาที่กิน

ในที่นี้จะกล่าวถึงสารเคมีที่อาจพบได้บ่อยเพียงบางชนิดเท่านั้น เช่น

ยานอนหลับกลุ่มบาร์บิทูเรต ถ้ากินเกินขนาดมาก ๆ จะทำให้ซึม ไม่ค่อยรู้ตัว หายใจตื้นและช้า เหงื่อออก ตัวเย็น ตัวเขียว รูม่านตาโตและไม่หดเมื่อถูกแสง หมดสติ และตายในที่สุด

แอสไพริน ถ้ากินขนาดมาก ๆ ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด (acidosis) จะมีอาการหายใจหอบลึก หน้าแดง ไข้สูง ปวดท้อง อาเจียน มีภาวะขาดน้ำ มีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ ชัก และหมดสติถึงตายได้

พาราเซตามอล ถ้ากินในขนาดมากกว่า 140 มก./กก. จะทำให้ตับถูกทำลายภายใน 24-48 ชั่วโมง เกิดภาวะตับแข็งหรือตับวายเฉียบพลันได้

ไอโอดีน (เช่น ทิงเจอร์ไอโอดีนที่ใช้ใส่แผล) ทำให้ปากคอและหลอดอาหารไหม้และเจ็บ อาเจียนออกมาเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำเงิน กระหายน้ำ ท้องเดิน (อาจถ่ายเป็นเลือด) อ่อนเพลีย วิงเวียน เป็นลม และชัก

ด่างทับทิม ถ้ากินเกล็ดหรือน้ำด่างทับทิมเข้มข้นจะทำให้กัดเนื้อเยื่อในปาก กล่องเสียงบวม ชีพจรเต้นช้าและช็อก

เมนทอลหรือยูคาลิปตัส ทำให้อาเจียน ท้องเดิน หายใจตื้น ปัสสาวะเป็นเลือด ชัก และหมดสติ

กรดบอริก (boric acid) ทำให้มีไข้ขึ้น อาเจียน ท้องเดิน ถ่ายเป็นมูกเลือด หน้าแดง ซึม ชัก ตัวเหลือง ตัวเขียว ไตถูกทำลาย ความดันโลหิตต่ำ หมดสติ ถึงตายได้

ผงซักฟอก อาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ถ้ามีส่วนผสมของด่าง ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร

น้ำมันก๊าด เบนซิน ทินเนอร์ ทำให้อาเจียน ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) วิงเวียน ชีพจรเบาและเต้นไม่สม่ำเสมอ ชัก ถ้าสำลักเข้าไปในปอดอาจทำให้ปอดอักเสบ

อาการเป็นพิษเรื้อรัง จะมีอาการปวดศีรษะ ซึม ตามัว มือเย็นและชา อ่อนเพลีย ความจำเสื่อมใจสั่น ความคิดสับสน ซีด เจ็บในปาก

สารพวกฟีนอล (phenol) เช่น กรดคาร์บอลิก (carbolic acid) เครซอล (cresol มีชื่อการค้า เช่น Lysol) เฮกซาคลอโรฟีน (hexachlorophene) เป็นต้น พวกนี้เป็นกรดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร กระหายน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะออกน้อย กล้ามเนื้อชักเกร็ง ช็อก และการหายใจล้มเหลว

ฟอสฟอรัส (inorganic phosphorus) ซึ่งมีอยู่ในหัวไม้ขีดไฟ ทำให้เจ็บในปากและลำคอ อาเจียน ท้องเดิน ปวดศีรษะ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ อ่อนเปลี้ย เพลียแรง ดีซ่าน ปัสสาวะออกน้อย มีจุดแดงขึ้นตามผิวหนังและช็อก

ดีดีที จะทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ปวดตามแขนขา กระสับกระส่าย กล้ามเนื้อกระตุก ชัก และหมดสติ

ยาฆ่าแมลงประเภทออร์แกโนฟอสเฟต (organophosphate) เช่น พาราไทออน (parathion) มาลาไทออน (malathion) คาร์บาเมต (carbamate) เป็นต้น

มักมีอาการภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังกิน ด้วยอาการปวดศีรษะ เหงื่อออก น้ำลายฟูมปาก น้ำตาไหล อาเจียน ท้องเดิน กล้ามเนื้อเต้นกระตุก ชัก หอบ ตาลาย รูม่านตาหดเล็ก และอาจตายภายในเวลารวดเร็ว

พาราควอต (paraquat) ซึ่งมียาปราบวัชพืช ทำให้เกิดอาการชัก ปอดบวมน้ำ ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย ภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหลายวัน ในที่สุดจะมีอาการระบบหายใจล้มเหลว เนื่องจากเกิดเยื่อพังผืดในปอด

ถ้าขนาดเข้มข้น อาจกัดเยื่อบุหลอดอาหาร ทำให้ริมฝีปากและลำคอไหม้พองและเป็นแผล อาจทำให้หลอดอาหารเป็นแผลทะลุ

ผู้ป่วยจะเสียชีวิตจากภาวะช็อกจากหัวใจ (cardiogenic shock) และอวัยวะหลายระบบล้มเหลวภายใน 1-4 วัน

สตริกนิน (strychnine) ซึ่งมักทำเป็นยาเบื่อสุนัข ทำให้เกิดอาการชัก หลังแอ่น หายใจลำบาก น้ำลายฟูมปาก และขาดออกซิเจน

ไซยาไนด์ (cyanides) ซึ่งอาจมีอยู่ในยาเบื่อหนู จะทำให้ตัวเขียว หายใจลำบาก ความดันเลือดตก ถึงตายได้รวดเร็ว

สารปรอท ทำให้มีอาการน้ำลายฟูมปาก กระหายน้ำ ปวดแสบปวดร้อนในปากและลำคอ เยื่อบุในช่องปากบวมและเปลี่ยนสี ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน ถ่ายเป็นเลือด ไม่มีปัสสาวะออก เเละช็อก

ถ้าเป็นพิษเรื้อรัง จะมีอาการอ่อนเพลีย เดินเซ มือสั่น ซึมเศร้า เป็นตะคริว

สารหนู (arsenic) อาการมักเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมงหลังกิน (บางรายอาจนานถึง 12 ชั่วโมง) มีอาการปวดท้อง กลืนลำบาก อาเจียนติด ๆ กัน ท้องเดิน เป็นตะคริว ต่อมาจะรู้สึกกระหายน้ำอย่างรุนแรง และช็อก

เมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ที่ใช้จุดไฟ (เป็นคนละชนิดกับเอทิลแอลกอฮอล์ซึ่งทำเป็นเหล้า เบียร์) เมื่อกินเข้าไปอาจทำให้มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง จุกแน่น คลื่นไส้ อาเจียน และตาบอด (เพราะประสาทตาถูกทำลาย) ผู้ป่วยอาจมีอาการตัวเขียว ชัก และหมดสติ

กรดหรือด่างอย่างแรง ทำให้ผิวหนังและเยื่อบุของทางเดินอาหารถูกกัดไหม้และอักเสบ มีอาการเจ็บในปากและลำคอ กระหายน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด กลืนลำบาก หายใจลำบาก ช็อก

บางรายอาจมีการแตกทะลุของหลอดอาหารและกระเพาะ ทำให้กลายเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือหลอดอาหารเกิดการตีบตันจากการอักเสบได้

ภาวะแทรกซ้อน

ขึ้นกับชนิดของสารพิษ สารพิษร้ายแรงอาจมีผลต่อระบบประสาทและสมอง (ทำให้ชัก หมดสติ อัมพาต) ระบบเลือด (เลือดออก โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ มะเร็งเม็ดเลือดขาว) ทางเดินหายใจ (ปอดอักเสบ) ตับ (ตับอักเสบ ตับแข็ง) ทางเดินอาหาร (ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน) หรืออื่น ๆ บางชนิดอาจระคายเคือง (กัด) ต่อผิวหนังและเยื่อบุของทางเดินอาหาร เช่น สารที่เป็นกรดหรือด่างอย่างแรง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ สิ่งตรวจพบ และประวัติการสัมผัสสารพิษ

การรักษาโดยแพทย์

เมื่อผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาล แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน และให้กินผงถ่านกัมมันต์เช่นเดียวกับที่แนะนำไว้ในเรื่องการปฐมพยาบาล (อ่านเพิ่มเติมที่ "การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ" ในหัวข้อ การดูแลตนเอง ด้านล่าง)

2. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ ห้ามทำในรายที่หมดสติ ชัก หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด เบนซิน หรือทินเนอร์

3. ให้การรักษาตามอาการ เช่น

    ถ้ามีภาวะขาดน้ำ ช็อกหรือหมดสติ ให้น้ำเกลือ
    ถ้าหายใจลำบากหรือตัวเขียว ให้ออกซิเจนและอาจต้องเจาะคอช่วยหายใจ ในรายที่กินพาราควอต ไม่ควรให้ออกซิเจน นอกเสียจากผู้ป่วยมีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรง เพราะออกซิเจนส่งเสริมให้เกิดภาวะเป็นพิษจากพาราควอต
    ถ้ามีภาวะปอดบวมน้ำ (ผู้ป่วยมีอาการหอบและฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ) ให้ฉีดฟูโรซีไมด์ 1-2 หลอด เข้าหลอดเลือดดำ
    ถ้าชัก ฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก. เข้าหลอดเลือดดำ
    ถ้ามีภาวะเลือดเป็นกรด ฉีดโซเดียมไบคาร์บอเนต
    ถ้ามีภาวะไตวาย อาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis)
    ถ้ามีการติดเชื้อ เช่น ปอดอักเสบ ให้ยาปฏิชีวนะ


4. ให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น

    ถ้าเกิดจากยาฆ่าแมลงประเภทออร์เเกโนฟอสเฟต (ผู้ป่วยจะมีรูม่านตาหดเล็กทั้ง 2 ข้าง) แพทย์จะฉีดอะโทรพีนเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าหลอดเลือดดำทุก 5-10 นาที จนกระทั่งรูม่านตาขยาย และมีอาการคอแห้ง หลังจากนั้นให้ยาต้านพิษ ได้แก่ พราลิดอกไซม์ (pralidoxime) ฉีดเข้าหลอดเลือดดำช้า ๆ ถ้าอาการหายใจยังไม่ดีขึ้นให้ฉีดซ้ำได้ในอีก 30 นาทีต่อมา (สำหรับผู้ป่วยที่กินคาร์บาเมตไม่จำเป็นต้องให้พราลิดอกไซม์)
    ถ้าเกิดจากสารหนู ให้ยาต้านพิษได้แก่ ไดเมอร์เเคปรอล (dimercaprol) ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
    ถ้าเกิดจากดีดีที นอกจากสวนล้างกระเพาะด้วยน้ำอุ่นแล้ว ควรให้กินยาระบาย ได้แก่ โซเดียมซัลเฟต (sodium sulfate) ขนาด 30 กรัมในน้ำ 200 มล. และให้กินฟีโนบาร์บิทาลเพื่อสงบประสาท
    ถ้าเกิดจากการกินพาราเซตามอลเกินขนาด ให้อะเซทิลซิสเตอีนกินหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดีเมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือการสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยกินสารพิษหรือยาพิษ ควรทำการปฐมพยาบาล แล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

1. ควรป้องกันมิให้เด็กหยิบยาหรือสารเคมีกินเอง โดยเก็บยาและสารเคมีให้มิดชิด หรือไว้ในที่สูงเกินกว่าเด็กจะหยิบถึง

2. ควรป้องกันการหยิบยาผิด หรือกินถูกสารพิษด้วยความเผอเรอ โดย

    เก็บยาไว้ในที่มิดชิด หรือไว้ในตู้ยาที่เด็กหยิบเองไม่ได้
    เขียนฉลากยาให้ชัดเจน
    สารเคมีที่มีพิษควรเก็บไว้เป็นที่เฉพาะ และปิดให้มิดชิด อย่าปะปนกับอาหารที่กิน หรือวางอยู่ในตู้กับข้าว


ข้อแนะนำ

1. ผลการรักษาขึ้นกับชนิดและปริมาณของสารพิษที่ได้รับ สภาพของผู้ป่วยและความรุนแรงของโรค

ถ้าหากได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องและได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็มีโอกาสรอดได้

2. ผู้ที่ได้รับสารพิษมักมีอาการแสดงภายใน 36 ชั่วโมง ถ้าหลัง 36 ชั่วโมงไปแล้วยังไม่มีปรากฏอาการก็ถือว่าปลอดภัย

11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
เทคนิคดีๆในการดูแลบ้านในหน้าร้อน By รถกระบะรับจ้าง ขนย้ายพัทลุง

หน้าร้อนที่มาพร้อมกับอากาศร้อนและความชื้นสูงนั้นเป็นเวลาที่ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความอบอุ่นและปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเราอย่างไม่น้อย การดูแลบ้านในหน้าร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจอย่างเป็นพิเศษ เพื่อให้บ้านของเราสะอาด ปลอดภัย และสะดวกสบายตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ เทคนิคดีๆในการดูแลบ้านในหน้าร้อนก็กลับกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรมีในชีวิตประจำวันของเราอย่างแน่นอน

ในบทความนี้ ทาง "รถรับจ้างขนย้ายพัทลุง" จึงขอนำเสนอเทคนิคและวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการดูแลบ้านในหน้าร้อน ที่ทำให้ชีวิตของคุณและครอบครัวของคุณมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาด การบำรุงรักษาอุปกรณ์ หรือการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศร้อนๆ

พร้อมกับเทคนิคที่เราจะนำเสนอ เรายังมีความยินดีที่จะแบ่งปันเคล็ดลับและข้อควรระวังในการดูแลบ้านในหน้าร้อนจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเราด้วย เพื่อให้ทุกคนสามารถเตรียมความพร้อมและดูแลบ้านในหน้าร้อนได้อย่างมืออาชีพ

เทคนิคดีๆในการดูแลบ้านในหน้าร้อน

การดูแลบ้านในหน้าร้อนเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้บ้านคงอยู่ในสภาพที่สะอาด ปลอดภัย และสบายตัวตลอดช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนและความชื้นสูง นี่คือเทคนิคดีๆที่ช่วยให้คุณสามารถดูแลบ้านในหน้าร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    รักษาระดับความสะอาดของบ้าน : ในหน้าร้อนอากาศมีความชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะแก่การเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย ดังนั้น ควรทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดพื้นผิวบ้าน ล้างห้องน้ำ และทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและเชื้อสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ
    ระบายอากาศในบ้าน : การระบายอากาศในบ้านเป็นสิ่งสำคัญเมื่อมีอากาศร้อน ควรเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมเพื่อเพิ่มการไหลของอากาศภายในบ้าน ทำให้บ้านมีอากาศสดชื่นและลดความร้อนในบริเวณในบ้าน
    รักษาการเย็นในบ้าน : ใช้เทคโนโลยีเย็นเช่น เครื่องปรับอากาศหรือพัดลม เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในบ้านให้เย็นสบาย ลดความร้อนและช่วยให้คุณและครอบครัวมีความสะดวกสบายตลอดเวลา
    รักษาสวนหน้าบ้าน : การดูแลสวนหน้าบ้านเป็นสิ่งสำคัญในช่วงฤดูร้อน เพราะมันช่วยลดอุณหภูมิในบริเวณโดยรอบของบ้าน นอกจากนี้พืชต่างๆยังช่วยดูดซับความชื้นและลดความร้อนในบริเวณบ้านได้ด้วย
    รักษาความปลอดภัย : ตรวจสอบระบบระวังภัยไฟฟ้าและระบบระวังภัยป้องกันอัคคีภัยในบ้าน เช่น ปรับตั้งค่าเซ็นเซอร์ควันและตรวจสอบระบบดับเพลิงเป็นประจำ เพื่อรักษาความปลอดภัยในบ้าน
    รักษาการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า : หลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงในช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูง เพื่อลดการสร้างความร้อนในบ้าน และประหยัดพลังงานไฟฟ้า

การดูแลบ้านในหน้าร้อนต้องการความระมัดระวังและการเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสม เพื่อให้บ้านของคุณมีสุขอย่างทั่วถึงตลอดฤดูร้อนที่กำลังมา

การดูแลบ้านในช่วงฤดูร้อนเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญสูง โดยความระมัดระวังในการดูแลและการเตรียมความพร้อมต้องเป็นเรื่องหลัก ๆ เพื่อให้บ้านของคุณสามารถรับมือกับสภาวะอากาศร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านการควบคุมอุณหภูมิในบ้านและความสะอาดของสิ่งของภายในบ้าน ในการดูแลบ้านในฤดูร้อน การเตรียมความพร้อมรวมถึงการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบการทำความเย็น เช่น เครื่องปรับอากาศและพัดลม จะช่วยลดความร้อนในบ้านและสร้างสภาพอากาศที่สะอาด ส่วนการรักษาความปลอดภัย เช่น ตรวจสอบระบบดับเพลิงและระบบการเตือนภัย ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อากาศร้อนและชื้นสูง ด้วยความพร้อมและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ บ้านของคุณจะมีสภาพที่สบายตัวและปลอดภัยตลอดฤดูร้อนที่กำลังมา

คุณกำลังมองหา บริการรถรับจ้างขนย้ายพัทลุง ที่น่าสนใจและนับถือได้ใช่ไหม? เรามีคำว่า "ความสะดวกสบาย" เข้ามาทำหน้าที่ในการให้บริการขนส่งที่ยอดเยี่ยมและแตกต่างจากบริการอื่นๆที่มีอยู่ในตลาด ทำไมเราถึงควรเลือกบริการของเรา? นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

    ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ : เรามีประสบการณ์มากว่า 10 ปีในการให้บริการรถรับจ้างขนส่ง ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรับผิดชอบ เรามั่นใจว่าจะให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดในทุกๆ การขนส่ง
    ความปลอดภัย : เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสินค้าและผู้โดยสารเป็นสำคัญ เรามีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดในการดูแลรถและการขนส่งให้มีความปลอดภัยสูงสุด
    บริการที่มีคุณภาพ : เราให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดโดยการใช้รถขนส่งที่มีคุณภาพและพนักงานขับรถที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญ มุ่งมั่นในการให้บริการที่ดีที่สุดตลอดเวลา
    ราคาที่เป็นกันเอง : เรามุ่งหวังที่จะให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่เป็นกันเองและคุ้มค่ากับการใช้บริการของเรา
    การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม : เราให้ความสำคัญกับความพอใจของลูกค้าและมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุดด้วยการตอบรับที่รวดเร็วและบริการที่ดีที่สุดในทุกๆ การติดต่อ

เมื่อคุณเลือกใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายพัทลุง ของเรา คุณจะได้รับประสบการณ์การขนส่งที่ไม่เหมือนใครและคุณจะรู้สึกถึงความเชื่อมั่นที่เต็มที่ในการขนส่งของคุณ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ขนส่งที่ดีที่สุดกับเราวันนี้!

13
รถกระบะรับจ้างขนของนนทบุรี ขนย้ายดี ราคาไม่แพง ย้ายบ้าน ขนส่งของ บริการไว โดนใจผู้ใช้บริการ

หากคุณกำลังมองหา บริการรถรับจ้างนนทบุรี ที่มีความครบครันทั้งในแง่ของคุณภาพการบริการและราคา ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการในการขนย้ายของคุณได้อย่างครบถ้วน บริการจากขนส่ง คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด ความเชี่ยวชาญในงานขนย้ายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการ ขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ขนส่งสินค้า หรือการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์จากไซต์งานต่างๆ ทั้งในพื้นที่นนทบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการขนย้าย เพื่อให้การขนย้ายดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย เรายังให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินทุกชิ้น รวมถึงการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อให้การขนย้ายเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว ด้วยราคาที่เป็นกันเองและคุ้มค่า คุณสามารถวางใจให้ รถรับจ้างนนทบุรีดูแลการขนย้ายของคุณได้อย่างสบายใจค่ะ

   
รถรับจ้างนนทบุรี

รถรับจ้างนนทบุรีขอนำเสนอการบริการที่หลากหลายและครบวงจรเพื่อช่วยให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เรามีรถรับจ้างหลายประเภทที่พร้อมให้บริการตามความต้องการของลูกค้า ทั้ง รถกระบะ สำหรับการขนย้ายสิ่งของขนาดเล็กหรือสินค้าที่ต้องการความสะดวกในการขนย้ายระยะใกล้ รถ 4 ล้อใหญ่ สำหรับการขนย้ายของในปริมาณมาก หรือ รถ 6 ล้อ และ รถ 10 ล้อ ที่สามารถขนย้ายสินค้าหรือวัสดุขนาดใหญ่หรือหนักได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หากคุณต้องการขนย้ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นปริมาณมาก รถเทรลเลอร์ ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับการขนย้ายเครื่องจักร หรือวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่มากในการจัดเก็บ และสำหรับการขนย้ายสินค้าหรือวัสดุที่ต้องการการยกสูงหรือการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากอย่างปลอดภัย รถเฮี๊ยบ จะช่วยให้การยกของจากที่สูงหรือการยกสินค้าที่มีขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ

   
รถรับจ้างนนทบุรี ไปต่างจังหวัด

แน่นอนว่าการที่ขนส่ง มี รถรับจ้างนนทบุรี ที่หลากหลายประเภท นอกจากจะช่วยให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกแล้ว ยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะต้องการขนย้ายในระยะทางสั้นๆ หรือระยะทางยาว ในพื้นที่ใกล้เคียงหรือข้ามจังหวัด เราก็พร้อมให้บริการทุกกรณี หากคุณต้องการขนย้าย ในพื้นที่ไม่ถึงกิโลเมตร เช่น การย้ายของในเมืองนนทบุรี หรือจากที่พักไปยังสถานที่ใกล้เคียงขนส่ง มีรถที่เหมาะสมสำหรับการขนย้ายที่รวดเร็วและสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาหรือค่าใช้จ่ายที่สูงค่ะ

สำหรับลูกค้าที่ต้องการ ย้ายไปนอกเขต หรือ ขนย้ายข้ามจังหวัด เรามี รถรับจ้างนนทบุรี ไปต่างจังหวัด ที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายสินค้าหรือของใช้ต่างๆ จากนนทบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียงหรือที่ไกลออกไปในภาคอื่นๆ เราสามารถจัดการการขนย้ายของคุณได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการ ขนย้ายไปต่างจังหวัด หรือ ต่างภูมิภาค ทีมงานของเราก็สามารถให้บริการได้ตามที่คุณต้องการ โดยเรามีรถหลากหลายประเภทที่เหมาะสมกับการขนย้ายทุกรูปแบบค่ะ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะต้องการขนย้ายภายในพื้นที่หรือไปยังที่ไกลแค่ไหน รถรับจ้างนนทบุรียินดีให้บริการพร้อมรถรับจ้างที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ทุกการขนย้ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสำหรับคุณค่ะ

   
รถรับจ้างนนทบุรี ราคาถูก

เรื่องของ ราคา เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อคุณเลือกใช้ บริการรถรับจ้าง เนื่องจากการขนย้ายอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันตามลักษณะงานและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เช่น ชนิดของสิ่งของที่ต้องการขนย้าย ระยะทางที่ต้องขนย้าย และวันเวลาในการขนย้ายที่คุณต้องการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อราคาค่าบริการ การที่คุณทราบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับ ชนิดของการขนย้าย เช่น การขนย้ายบ้าน ขนย้ายสินค้า หรือขนย้ายเครื่องจักร จะช่วยให้การประเมินราคาเป็นไปได้อย่างแม่นยำ เพราะแต่ละประเภทการขนย้ายมีความต้องการที่แตกต่างกันในด้านของขนาดและความซับซ้อนในการขนย้าย ซึ่งจะทำให้คุณได้ราคาที่เหมาะสมกับการบริการที่คุณต้องการ

ระยะทาง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะการขนย้ายระยะใกล้หรือระยะไกลจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน โดยในกรณีของการขนย้ายข้ามจังหวัดหรือข้ามภูมิภาค ราคามักจะสูงขึ้นตามระยะทางที่ต้องการขนย้าย วันเวลา ที่คุณต้องการขนย้ายก็มีผลต่อราคาค่าบริการด้วย เช่น หากคุณต้องการขนย้ายในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดเทศกาล อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากความพร้อมของทีมงานและรถที่อาจต้องจัดสรรใหม่ให้เพียงพอกับความต้องการ

ด้วยการทราบข้อมูลทั้งหมดนี้ล่วงหน้า การประเมินราคา จะสามารถทำได้อย่างแม่นยำและตรงตามความต้องการของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถ จัดการกับงบประมาณได้ และ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง รถรับจ้างนนทบุรี สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นโดยไม่คาดคิดค่ะ

14
เตรียมพร้อมสุขภาพฟัน ก่อนเข้ารับการจัดฟันเด็ก

ในปัจจุบันเด็กหลายคนมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากละเลยในการทำความสะอาดช่องปากและฟันและบวกกับการที่เด็กชอบรับประทานของหวาน น้ำอัดลมหรือขนมต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ การเกิดฟันผุเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยและส่งผลทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ โดนล้อ หรือแม้กระทั่งทำให้รับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ในอนาคต เพราะการที่มีฟันน้ำนมผุจะทำให้รู้สึกปวด บดเคี้ยวอาหารไม่ได้และร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตอีกทั้ง อาการปวดฟันยังส่งผลทำให้เด็กนอนไม่หลับและทำให้เรียนรู้ช้า

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและยังสามารถขัดขวางในเรื่องของพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้อีกด้วย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันและควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เด็กได้เติบโตไปมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีหรือถ้าผู้ปกครองท่านใดสนใจที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆเพราะการที่เด็กเข้ารับการจัดฟันก็จะช่วยทำให้ปลูกฝังในเรื่องของการดูแลช่องปากและฟันไปในตัวและยังช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด ที่กำลังตัดสินใจว่าจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กหรือไม่ เพราะอาจจะกังวลในข้อจำกัดหลายๆอย่างและไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองได้ปฏิบัติตัวและให้เด็กได้เตรียมความพร้อม สำหรับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับวิธีการเตรียมตัวของพ่อแม่ผู้ปกครอง สิ่งสำคัญเลยก็คือควรพูดทำความเข้าใจกับบุตรหลานของท่านให้เข้าใจว่า เหตุใดเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้เข้าใจก่อนเข้ารับการรักษา เพราะเด็กหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าพบทันตแพทย์เพราะ กลัวเจ็บหรือรู้สึกเขินอาย

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพฟันให้แก่บุตรหลาน สำหรับวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ในขั้นแรกที่เรากล่าวไปแล้วก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้กับบุตรหลานของท่าน ต่อมาก่อนการเข้ารับการจัดฟันเด็กจะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันก่อนเข้าตรวจกับทันตแพทย์ ในข้อนี้เด็กจะต้องมีความร่วมมือในการรักษากับทันตแพทย์ด้วย ต่อมาถึงขั้นตอนของการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กเพื่อให้ทันตแพทย์ได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยอาจจะมีพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมพูดคุยด้วย หลังจากพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงขั้นตอนการวางแผนการรักษาและการออกแบบ

เครื่องมือการจัดฟันให้เหมาะสมกับเด็ก นี่ก็คือวิธีการเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับ จัดฟันในเด็กส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะต้องเตรียมในการจัดฟัน ในข้อนี้ต้องอธิบายก่อนว่าราคาของการจัดฟันในแต่ละแบบและแต่ละสถานที่จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ รวมกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันด้วย ดังนั้น ในเรื่องของค่าใช้จ่ายพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา หรือเงื่อนไขและเตรียมความพร้อมก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

หากพ่อแม่ท่านใดอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมของเด็กจึงทำให้มีการรักษาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและเหมาะสมมากที่สุด เพราะทางคลินิกของเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

15
การบำรุงรักษาระบบท่อลมร้อน

การบำรุงรักษาระบบท่อลมร้อนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมีขั้นตอนและข้อควรระวังดังนี้:

1. การตรวจสอบเป็นประจำ

การตรวจสอบด้วยสายตา:
ตรวจสอบท่อลมอย่างละเอียดเพื่อหารอยแตก รอยร้าว หรือรอยต่อที่ไม่สนิท
ตรวจสอบบริเวณรอบๆ ท่อลมเพื่อหารอยคราบหรือรอยเปื้อน ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึม

การตรวจสอบด้วยมือ:
สัมผัสบริเวณรอยต่อหรือรอยแตกของท่อลม เพื่อตรวจจับลมที่รั่วออกมา
สัมผัสบริเวณท่อลมเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ หากพบว่าบางบริเวณมีอุณหภูมิแตกต่างจากบริเวณอื่นอย่างชัดเจน แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม

การตรวจสอบด้วยอุปกรณ์:
ใช้เครื่องวัดความดันเพื่อตรวจสอบความดันภายในท่อลม
ใช้เครื่องวัดการไหลของอากาศเพื่อตรวจสอบปริมาณลมที่ไหลผ่านท่อลม
ใช้เครื่องตรวจจับรอยรั่ว (Leak Detector) เพื่อตรวจจับการรั่วไหลของอากาศหรือก๊าซ

2. การทำความสะอาด
ทำความสะอาดท่อลม: ทำความสะอาดท่อลมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้การไหลของอากาศไม่สะดวก
ทำความสะอาดพัดลม: ทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศ เพื่อให้พัดลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การซ่อมแซม
ซ่อมแซมรอยรั่ว: หากพบรอยรั่ว ควรซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานและรักษาประสิทธิภาพของระบบ
เปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด: หากพบชิ้นส่วนที่ชำรุด ควรเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ เพื่อป้องกันอันตรายและรักษาประสิทธิภาพของระบบ

4. การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
ตรวจสอบและปรับแต่งอุปกรณ์ควบคุม: ตรวจสอบและปรับแต่งอุปกรณ์ควบคุม เช่น เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับสารเคมี เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทำงานได้อย่างถูกต้อง
ตรวจสอบฉนวนกันความร้อน: ตรวจสอบฉนวนกันความร้อนรอบท่อลม เพื่อให้มั่นใจว่าฉนวนยังอยู่ในสภาพดี และไม่มีรอยชำรุด

5. ข้อควรระวัง
ความปลอดภัย: ควรปิดระบบระบายอากาศก่อนทำการบำรุงรักษา เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อนและแรงดัน
อุปกรณ์ป้องกัน: สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และหน้ากาก เพื่อป้องกันอันตรายจากวัสดุและสารเคมี
ผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่มั่นใจในการบำรุงรักษา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำหรือให้ทำการบำรุงรักษา

6. คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรมีการบันทึกข้อมูลการบำรุงรักษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบและวางแผนการบำรุงรักษาในอนาคต
ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในการบำรุงรักษาระบบท่อลมร้อน

ควรมีการจัดทำแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบท่อลมร้อนได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ
การบำรุงรักษาระบบท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ลดการสูญเสียพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของระบบ

หน้า: [1] 2 3 ... 43
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google