แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 47
1
Doctor At Home: ผมร่วง ผมบาง (Alopecia/Baldness)

ผมร่วง (ผมบาง) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย แต่จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีสาเหตุได้มากมายหลายอย่าง บางอย่างอาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ เช่น ศีรษะเถิก ศีรษะล้าน บางอย่างอาจมีสาเหตุจากโรคต่าง ๆ เช่น ซิฟิลิส เอสแอลอี ภาวะขาดไทรอยด์ กลาก ขาดอาหาร โรคเรื้อรังอื่น ๆ เป็นต้น บางอย่างอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้

ในที่นี้จะกล่าวถึงสาเหตุที่พบบ่อย

ผมร่วงตามธรรมชาติ

เส้นผมบนศีรษะของคนเรามีประมาณ 100,000 เส้น ประมาณร้อยละ 85-90 จะอยู่ในช่วงที่มีการเจริญงอกงาม ซึ่งจะงอกยาวขึ้นวันละประมาณ 0.35 มม. และสามารถมีอายุอยู่ได้นาน 2-6 ปี แล้วจะหยุดการเจริญงอกงาม ในส่วนที่เข้าระยะที่หยุดการเจริญงอกงามจะมีอยู่ประมาณร้อยละ 10-15 ซึ่งจะร่วงไปในระยะประมาณ 3 เดือน การหวีผมหรือสระผมจะช่วยให้เส้นผมเหล่านี้ร่วงหลุดง่ายขึ้น คนปกติจะมีผมร่วงเป็นประจำทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 100 เส้น ซึ่งถือว่าเป็นผมร่วงตามธรรมชาติ หลังจากนั้นก็มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาแทน วนเวียนไปเรื่อย ๆ แบบเดียวกับเซลล์ของผิวหนังที่มีบางส่วนที่ตายและหลุดออกมาเป็นขี้ไคลทุกวัน

บางคนเมื่อมีความวิตกกังวล จะมีอาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ใจสั่น และอาจรู้สึกว่ามีอาการผมร่วงผิดปกติ ซึ่งความจริงผมของคนเหล่านี้มิได้ร่วงมากผิดธรรมชาติ (คือไม่เกินวันละ 100 เส้น) แต่เนื่องจากความวิตกกังวลจึงกลัวว่าจะเป็นโรคอะไร

ผู้ป่วยเหล่านี้จะไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด นอกจากอาการของโรคกังวล

ผมร่วงชนิดนี้เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่สุดของผู้ที่บ่นว่ามีอาการผมร่วง


รอยแผลเป็นที่หนังศีรษะ

รอยแผลเป็นที่ศีรษะ อาจเกิดจากบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ถูกสารเคมี หรือเกิดจากการติดเชื้อรุนแรงจากแบคทีเรีย (เช่น ฝี พุพอง ชันนะตุ) โรคเชื้อรา หรืองูสวัด ทำให้เป็นแผลเป็น ไม่มีผมขึ้นอย่างถาวร

ไม่มียาที่ใช้รักษาอย่างได้ผล ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการผ่าตัดปลูกผม


ผมร่วงจากการทำผม

การทำผมด้วยการม้วนผม ดัดผม เป่าผม อาจทำให้มีอาการผมร่วงได้ ภาวะนี้ไม่ถือว่าเป็นสาเหตุร้ายแรง

ถ้าผมร่วงมาก ควรหลีกเลี่ยงการม้วนผม ดัดผม เป่าผม อาการผมร่วงก็มักจะทุเลาไปได้เอง แต่ถ้าไม่ได้ผลควรปรึกษาแพทย์


ผมร่วงกรรมพันธุ์

ผมร่วงชนิดนี้เป็นภาวะที่พบได้บ่อย พบได้ทั้งสองเพศ แต่จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง


ผมร่วงจากซิฟิลิส (ระยะที่ 2)

ผู้ที่เป็นโรคซิฟิลิส ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งอาจมีอาการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ อาการผมร่วงพบในระยะที่ 2 ของโรค (ดู "โรคซิฟิลิส" เพิ่มเติม)


ผมร่วงเนื่องจากผมหยุดเจริญชั่วคราว

ปกติเส้นผมของคนเรามีอายุนาน 2-6 ปี แล้วจะหยุดการเจริญงอกงาม ในแต่ละวันจะมีเส้นผมประมาณ 100 เส้นที่เสื่อมและหลุดร่วงไป

แต่ในบางภาวะ เส้นผมที่กำลังเจริญอาจหยุดการเจริญในทันที ทำให้มีเส้นผมเสื่อมและหลุดร่วงเพิ่มจำนวนมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงทำให้เกิดอาการผมร่วงมากกว่าปกติได้


ผมร่วงจากโรคอื่น ๆ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคบางอย่าง เช่น เอสแอลอี ภาวะขาดไทรอยด์ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น ก็อาจมีอาการผมร่วง ผมบาง ร่วมกับอาการของโรคเหล่านี้ เช่น เป็นไข้เรื้อรัง ปวดตามข้อ มีผื่นปีกผีเสื้อขึ้นที่หน้า ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น


ผมร่วงจากยาและการฉายรังสี

ยาที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมีอยู่หลายชนิด เช่น ยารักษามะเร็ง (เคมีบำบัด) สารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants) เช่น เฮพาริน (heparin) ยารักษาคอพอกเป็นพิษ ยาคุมกำเนิด คอลชิซีน อัลโลพูรินอล (allopurinol) ซึ่งใช้รักษาโรคเกาต์ แอมเฟตามีน (amphetamine) เป็นต้น

นอกจากนี้ การฉายรังสีในการรักษามะเร็ง ก็อาจทำให้ผมร่วงได้

หากสงสัยมีผมร่วงจากวิธีรักษาของแพทย์ ควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุอื่น ๆ


โรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ

ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ หมายถึง อาการผมร่วงซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะที่ มีผมแหว่งเป็นหย่อม ๆ ซึ่งไม่มีสาเหตุชัดเจน คือ ตรวจแล้วไม่พบว่ามีสาเหตุใด ๆ (เช่น โรคเชื้อรา ซิฟิลิส การถอนผม รอยแผลเป็น หรือสาเหตุอื่น ๆ)

แต่มีโรคผมร่วงเป็นหย่อมอยู่ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เรียกว่า โรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ (alopecia areata) เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งคราว พบมากในวัยหนุ่มสาว พบน้อยในคนอายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ทั้งหญิงและชายมีโอกาสเป็นเท่า ๆ กัน ภาวะเครียดทางจิตใจอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการได้

ผมร่วงจากเชื้อรา (โรคกลากที่ศีรษะ/เชื้อราที่ศีรษะ)

โรคเชื้อราที่ศีรษะ (กลากที่ศีรษะ) อาจพบได้บ่อยในเด็ก แต่จะไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งมักจะลุกลามจากบริเวณอื่นของร่างกาย


ผมร่วงจากการถอนผม

พบได้บ่อยในเด็กที่มีปัญหากดดันทางจิตใจด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเรียน เป็นต้น เด็กบางคนอาจถอนผมเล่นจนเป็นนิสัย โดยไม่มีปัญหาทางจิตใจก็ได้ (เรียกอาการนี้ว่า “Trichotillomania”)

2
วิธีขนย้ายตู้ เตียง หลังใหญ่ที่ยากต่อการขนย้าย รถรับจ้างขนย้ายบ้านขอนแก่น

ย้ายบ้านทั้งที แต่ดันเจอของใหญ่พิเศษ! ทำยังไงดี? ย้ายบ้านอาจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับการขนย้ายของใหญ่ระดับบิ๊กเบิ้ม อย่าง ตู้เสื้อผ้าหลังโต เตียงไม้สัก หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อื่น ๆ ความท้าทายก็เพิ่มขึ้นทันที ความกังวลเริ่มมายกยังไงไม่ให้พัง? ต้องถอดชิ้นส่วนไหม? ขนออกจากบ้านยังไงถ้าประตูแคบ? ไม่ต้องห่วงค่ะ เรา รถรับจ้างขอนแก่น รวบรวมเทคนิคดีดีที่จะช่วยให้ง่ายสำหรับการขนย้ายของชิ้นใหญ่ที่ยากต่อการขนย้ายให้คุณแบบครบครัน พร้อมรับมือได้อย่างมือโปร! ค่ะ


1. วางแผนล่วงหน้า – ยิ่งละเอียด ยิ่งง่าย

ก่อนจะลงมือยกของหนัก รถรับจ้างขอนแก่น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การวางแผน วัดขนาดเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น (ความกว้าง ความยาว ความสูง) วัดประตู ช่องทางเดิน บันได หรือแม้กระทั่งลิฟต์ ถ้าของใหญ่กว่าประตูหรือทางเดิน มีความจำเป็นต้องเตรียมตัวถอดชิ้นส่วน อย่าลืมถ่ายรูปตำแหน่งประกอบชิ้นส่วนไว้ล่วงหน้า เพื่อความง่ายเมื่อต้องประกอบกลับค่ะ


2. อุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ห้ามขาด

อุปกรณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ขนย้ายของ แน่นอนว่าหากคุณพยายามยกของหนักโดยไม่มีตัวช่วย อาจพังทั้งของทั้งหลังคุณ สิ่งที่ควรมีเพื่อช่วยให้การขนย้ายง่ายขึ้น รถเข็นแบบแบนหรือมีล้อ สำหรับเคลื่อนย้ายของบนทางราบเรียบ สายรัดยกของ (Lifting Straps) ลดแรงที่ไหล่และหลังป้องกันหลังของคุณได้ ถุงมือกันลื่น เพิ่มการยึดเกาะและป้องกันมือถลอก ผ้าและแผ่นกันกระแทก ป้องกันเฟอร์นิเจอร์เสียหายระหว่างย้ายค่ะ อย่าพยายามยกของหนักโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วย เพราะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บแน่นอน


3. ถอดแยกชิ้นส่วนเท่าที่ทำได้

ตู้ไม้ เตียงนอน หรือโซฟาแบบโมดูลาร์ ส่วนใหญ่แล้วสามารถถอดประกอบได้

    ถอดขาโต๊ะ-เตียงก่อน
    ถอดบานประตูหรือลิ้นชักของตู้
    ถอดโครงเตียงออกจากที่นอน

เก็บสกรู น็อต และอะไหล่เล็ก ๆ ไว้ในถุงซิป พร้อมเขียนป้ายชื่อให้ชัดเจน เพื่อง่ายต่อการประกอบกลับค่ะ


4. ยกของอย่างปลอดภัย – เทคนิคที่ต้องรู้

การยกของผิดท่าอาจทำให้คุณเจ็บหลังไปอีกหลายวัน เพราะฉะนั้น รถรับจ้างขอนแก่น มีเทคนิคการยกของหนักมาฝาก โดยการ ย่อตัวลงใช้ ขา ยก ไม่ใช่ หลัง ยกของใกล้ตัว อย่าหยิบของด้วยแขนเหยียดไกล หากต้องยกพร้อมกันสองคน ควรนับจังหวะให้พร้อมกัน เทคนิค ยกหลังตรง และ เดินก้าวเล็ก ๆ ช่วยลดแรงกระแทกจากการขยับตัว


5. วางแผนเส้นทางการเคลื่อนย้าย

ก่อนยกของ อย่าลืมเคลียร์พื้นที่ ย้ายสิ่งของขวางทางออกก่อน ปูผ้าใบหรือกระดาษลูกฟูกกันพื้นบ้านเป็นรอย ถ้าอยู่บนคอนโดสูง ควรตรวจสอบเวลาอนุญาตให้ขนของ และจองลิฟต์ล่วงหน้า


6. ใช้บริการมืออาชีพ ถ้ารู้สึกไม่ไหว

ถ้าเฟอร์นิเจอร์ของคุณ หนักมาก / ใหญ่พิเศษ / เสี่ยงต่อความเสียหาย การใช้บริการ ทีมขนย้ายมืออาชีพ รถรับจ้างขอนแก่น จะช่วยประหยัดแรงและเวลา แน่นอนว่าพวกเขามีอุปกรณ์ครบ อีกทั้งยังมีประสบการณ์การถอดและประกอบ บางเจ้าจะมีประกันความเสียหาย (ในกรณีของพัง) บางบริษัทรับขนย้ายแบบ แพ็กครบ ขนให้ ประกอบให้เสร็จ สบายใจยิ่งกว่าแน่นอนค่ะ

ใหญ่ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีแผนรับมือ ของชิ้นใหญ่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าคุณวางแผนให้ดี มีเครื่องมือพร้อม และรู้เทคนิคการยกอย่างถูกวิธี อย่าลืมว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ความชำนาญตามมาแน่นอน หากไม่มั่นใจ ให้มือโปรช่วยคุณจะดีที่สุด

หากคุณกำลังมองหารถรับจ้างที่ ไว้ใจได้ ราคายุติธรรม บริการมืออาชีพ เลือกเราขนส่ง แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง! รถรับจ้างขอนแก่น ไม่ว่าจะย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายออฟฟิศ ย้ายร้าน ขนสินค้า ขนเฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ของชิ้นใหญ่และหนักอย่าง ตู้ เตียง โซฟา เรามีทีมงานพร้อมประสบการณ์ พร้อมรถหลากหลายขนาด ทั้ง กระบะตู้ทึบ กระบะคอก รถ 6 ล้อรับจ้าง รองรับทุกความต้องการ บริการตรงเวลา ขนของปลอดภัย มีอุปกรณ์แพ็กกันกระแทกครบ พร้อมบริการถอด-ประกอบเฟอร์นิเจอร์ เพียงแค่แจ้งล่วงหน้า พื้นที่บริการครอบคลุม ทั้งขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง พร้อมให้คำปรึกษาฟรีก่อนตัดสินใจ ด้วยราคาที่คุยได้

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
จัดฟันเด็ก เพื่อฟันแท้ในอนาคต

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่ามีความสำคัญมากพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ หลายคนคิดว่าฟันน้ำนมของลูกน้อย ไม่มีความสำคัญเพราะคิดว่าฟันน้ำนม เมื่อหลุดออกไปก็จะมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งความคิดนี้ถือว่าผิดเพราะว่าฟันน้ำนมของเด็กมีความสำคัญไม่แพ้ฟันแท้ เพราะฟันน้ำนมมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้โดยตรง หากว่าฟันน้ำนมหลุดก่อนวัยอันควร ก็อาจจะทำให้การขึ้นของฟันแท้ผิดปกติได้หรือบางครั้งฟันแท้อาจจะขึ้นไม่ครบ


ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันห่างหรือฟันล้มได้ ดังนั้น ไม่ว่าเด็กจะอยู่ในช่วงของฟันน้ำนมหรือฟันแท้ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน สิ่งที่สำคัญก็คือควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีเพื่อป้องกันการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ในเรื่องของฟันของเด็ก หมั่นสังเกตอาการหรือพฤติกรรมที่ส่งผลทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพฟัน ควรที่จะปลูกฝังและสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็ก ได้เข้าใจว่าสุขภาพฟันนั้นมีความสำคัญในระยะยาวเพราะฟันจะอยู่กับเราตลอดชีวิต เราจึงต้องดูแลรักษาความสะอาดให้ดีอยู่เสมอ ควรสอนให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงามและไม่มีปัญหาฟัน แต่ถ้าหากว่าเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟัน ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นของฟันแท้ที่ผิดปกติหรือมีฟันน้ำนมที่หลุดก่อนวัยอันควร พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันเพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ

สำหรับการจัดฟันในเด็ก จะสามารถช่วยให้เด็กมีฟันที่สวยงามด้วยการจัดฟันในเด็ก ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วง 4-7 ปี ควรเข้ารับการจัดฟันในเด็ก โดยวิธีการใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งเป็นเครื่องมือการจัดฟันที่ใช้นวัตกรรมช่วยทำให้ปรับโครงสร้างของใบหน้า แก้ไขความผิดปกติของกล้ามเนื้อใบหน้า รวมไปถึงปรับตำแหน่งลิ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่ถูกต้องสมบูรณ์และยังช่วยในเรื่องของปัญหาการสบฟันของเด็ก เพราะในช่วงอายุ 4-7 ปีนั้น กระดูกขากรรไกรยังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตจึงเหมาะที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือ EF LINE และสำหรับเด็กที่อายุ 10 – 15 ปีก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กโดยการใช้เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น เพราะเด็กในวัยนี้จะสามารถให้ความร่วมมือในการรักษา กลับทันตแพทย์ได้ดีกว่าเด็กอายุ 4-7 ปี เพราะเด็กในวัยนี้จะรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันได้ดีกว่า


ดังนั้น การจัดฟันในเด็กจึงจะสามารถช่วยให้เด็กมีฟันแท้ที่สวยงามในอนาคตได้ ซึ่งเรามีบริการทันตกรรมทางด้านการจัดฟันในเด็ก จึงสามารถให้คำแนะนำตั้งแต่วิธีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กไปจนถึงการปฎิบัติตัวระหว่างเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่สังเกตอาการของเด็กแล้วรู้สึกถึงปัญหาและความผิดปกติของสุขภาพฟันของลูกน้อย ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาก่อนการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันสวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เราเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็กและสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้อง พร้อมทั้ง ยังช่วยแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองพูดสร้างความเข้าใจให้กับเด็กว่าสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุหรือโรคเกี่ยวกับช่องปากในอนาคต เพราะเราเห็นความสำคัญของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กและอยากให้เด็กๆทุกคน มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

5
รถขนของไปต่างจังหวัด ย้ายของทั้งที บริการดีต้อง รถรับจ้างฉะเชิงเทรา

จะ ขนของ ย้ายของแต่ละครั้ง เชื่อว่าหลายคนต้องมีทั้งความตื่นเต้น ปนกับความกังวลใช่ไหมค่ะ? เพราะไม่ว่าจะย้ายบ้านใหม่ ย้ายหอพัก ก็ล้วนแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับ ความเหนื่อย และ ความวุ่นวาย ที่หลายคนแทบจะไม่อยากเจอ ความกังวลว่าของที่รักจะปลอดภัยหรือไม่ จะถึงที่หมายตรงเวลาหรือเปล่า

แต่รู้ไหมค่ะว่าปัญหาเหล่านี้จะหมดทันที ถ้าได้รู้จักกับ รถรับจ้างฉะเชิงเทรา ผู้ช่วยคนสำคัญที่พร้อมเปลี่ยนการย้ายของครั้งนี้ให้กลายเป็นเรื่องง่ายแบบคาดไม่ถึงเลยค่ะ ที่นี่ไม่ได้มีแค่ “รถรับจ้าง” แต่ยังมีทีมงานมืออาชีพที่ดูแลของทุกชิ้นเหมือนเป็นของตัวเอง ตรงต่อเวลา ยกง่าย วางเป็น และที่สำคัญราคาสบายกระเป๋า กลายเป็นประสบการณ์ที่คุณจะรู้สึกสบายใจตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าคุณกำลังคิดจะย้ายของทั้งที ลองมาสัมผัสบริการที่ใคร ๆ ก็พูดถึงกับขนส่ง แล้วคุณจะรู้ว่าการย้ายของ ก็สามารถสนุกและสบายใจกว่าที่คิดค่ะ

   
ทำไมต้องเลือก รถรับจ้างฉะเชิงเทรา

เวลาย้ายของ สิ่งที่หลายคนกลัวที่สุดคือ “ของเสียหาย” และ “ขนย้ายไม่ตรงเวลา” แต่เมื่อใช้บริการกับขนส่ง เรื่องเหล่านี้แทบไม่ต้องกังวล เพราะทีมงานมีประสบการณ์การขนย้ายมาอย่างยาวนาน ผ่านการขนทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้สำนักงาน ไปจนถึงของที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น ของแตกง่าย หรือของที่มีมูลค่าสูง สิ่งที่ทำให้ลูกค้าหลายคนรู้สึกอุ่นใจคือ

    ตรงต่อเวลา นัดกี่โมง มาถึงตรงนั้น ไม่ปล่อยให้รอ
    ทีมงานมืออาชีพ ช่วยยก ช่วยจัดวาง และดูแลของให้เหมือนเป็นของของตัวเอง
    รถสะอาด ปลอดภัย มีหลายขนาดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ รถบรรทุกเล็ก ไปจนถึงรถใหญ่สำหรับย้ายทั้งบ้าน
    ราคาคุยได้ ไม่คิดเกินจริง มีความยืดหยุ่นตามระยะทางและปริมาณของ

แค่ได้ยินก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ เพราะเวลาย้ายของ รถรับจ้างฉะเชิงเทรา เราเข้าใจว่าคุณไม่ได้อยากได้แค่ “รถ” แต่อยากได้ “ผู้ช่วย” ที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

   
การย้ายของให้ง่าย ไม่เครียด

นอกจากการเลือก รถรับจ้างขนของ ที่ดีแล้ว การเตรียมตัวก่อนย้ายก็สำคัญเหมือนกัน ลองใช้ทริคง่าย ๆ เหล่านี้ดูครับ

    จัดของให้เป็นหมวดหมู่
    เขียนป้ายกำกับ
    เก็บของสำคัญติดตัว
    แจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนกับผู้ให้บริการ

เมื่อเตรียมตัวแบบนี้ ประกอบกับการใช้บริการขนส่ง ก็รับรองได้เลยว่าการย้ายของจะราบรื่นแบบไร้กังวลอย่างแน่นอน

   
ความรู้สึกสบายใจที่มากกว่าแค่การขนของ

หลายครั้งที่ลูกค้าบอกว่า เมื่อใช้บริการกับ รถรับจ้างฉะเชิงเทราไม่ได้รู้สึกเหมือนจ้างคนแปลกหน้ามาช่วยยกของ แต่เหมือนมี เพื่อน หรือ ญาติ มาช่วยย้ายบ้านให้ต่างหาก เพราะทีมงานพูดจาดี เป็นกันเอง และพร้อมช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่ยกของขึ้นรถแล้วขับไปส่งเท่านั้น แต่ยังช่วยจัดวางให้เรียบร้อย แนะนำวิธีขนลงที่ปลอดภัย และไม่รีบร้อนจนทำให้ของเสียหาย นี่แหละคะ คือความแตกต่างของการเลือกใช้รถรับจ้างที่ใส่ใจลูกค้า เพราะการ ย้ายบ้าน หรือ ย้ายหอพัก ไม่ใช่แค่การขนสิ่งของแต่คือการขนย้ายความทรงจำ และ ความผูกพันไปด้วย รับรองว่าเราไม่ทำให้ของที่คุณหวงแหนพังเสียหายแน่นอน


ขนส่ง ย้ายที่ไหนก็ไปด้วย

ไม่ว่าจะย้ายภายในเขตฉะเชิงเทราเอง หรือย้ายไปจังหวัดใกล้เคียง เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง หรือแม้แต่ต่างจังหวัดไกล ๆ รถรับจ้างฉะเชิงเทรา ก็พร้อมให้บริการครบทุกเส้นทาง เพราะมีรถหลากหลายขนาด กระบะ สี่ล้อใหญ่ รถหกล้อ และทีมงานพร้อมเดินทางไปกับคุณทุกที่ ลูกค้าหลายคนที่เคยใช้บริการต่างบอกตรงกันว่าประทับใจ จนอยากบอกต่อ เพราะไม่ว่าจะ ย้ายด่วน ย้ายเช้า หรือย้ายตอนเย็น ทีมงานก็พร้อมปรับเวลาให้ตามความสะดวกของลูกค้า

ย้ายของ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเหนื่อยหรือกังวลเสมอไป เพียงแค่เราเลือกผู้ช่วยที่ไว้ใจได้อย่าง รถรับจ้างฉะเชิงเทราทุกขั้นตอนจะง่ายขึ้น ด้วยความประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของทีมงาน ที่สำคัญคือความสบายใจที่ลูกค้าทุกคนได้รับกลับไป เพราะรู้สึกว่าของทุกชิ้นได้รับการดูแลอย่างดี

ดังนั้น หากใครกำลังมองหา รถรับจ้างขนของ ไม่ว่าจะย้ายหอ ย้ายบ้าน คอนโด หรือย้ายร้าน ลองให้ ขนส่ง เป็นตัวช่วยสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่า จะย้ายของทั้งที ก็ไม่ใช่เรื่องเครียด แต่กลับเต็มไปด้วยความสบายใจและความมั่นใจตลอดเส้นทางคะ

6
ซ่อมบำรุงอาคาร: สายดินเครื่องทำน้ำอุ่น สำคัญอย่างไร

เมื่อถึงฤดูหนาว แน่นอนว่า เครื่องทำน้ำอุ่น ถือว่าเป็นไอเทมยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ที่ทุกบ้านแทบจะต้องมีติดห้องน้ำไว้ เพื่อความสุขสดชื่นทุกครั้งที่อาบน้ำ โดยเฉพาะในช่วงอากาศหนาว เพียงแต่การเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่อง เราต้องถึงเรื่องของการใช้งานและความปลอดภัยเป็นหลัก เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตขณะที่ใช้งานนั่นเอง หลายคนที่เคยซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น หรือใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นประจำ

คงเคยสังเกตุสติ๊กเกอร์ที่ติดมากกับตัวเครื่องที่บอกว่า อันตรายถึงชีวิตถ้าไม่ติดตั้งสายดิน โดยกฎหมายได้ออกมาบังคับให้ติดฉลากไว้บนเครื่องให้ชัดเจน เพื่อเป็นคำเตือนเบื้องต้นให้พึงระลึกเสมอว่าเราต้องติดตั้งสายดินทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน ซึ่งสายดินนั้น เป็นสิ่งสำคัญในแง่ของความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในบ้านอย่างมาก เพราะเป็นเส้นทางนำกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลสู่ใต้พื้นดิน ช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าที่ไหล่เข้าสู่ตัวเราได้

ดังนั้น เครื่องทำน้ำอุ่นทุกเครื่องจะต้องทำการต่อสายดิน โดยช่างผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าสายดินในตัวเครื่องทำน้ำอุ่น และสายดินที่ต่อออกจากตัวเครื่องจะต้องไม่เล็กกว่า 2.5 sq.mm. และมาตรฐานแท่งกราวนด์ต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 5 หุน ปักลงไปในดินต้องไม่ต่ำกว่า 5 ฟุต ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของสายดินของเครื่องทำน้ำอุ่นว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้าง เพื่อเป้นแนวทางให้กับที่กำลังมองหาเครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อที่จะได้ติดตั้งและใช้งานได้อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
 
การต่อสายดินที่ถูกต้องคือต้องต่อกับตัวนำไฟฟ้าที่มีจุดเชื่อมถึงพื้นดิน หากเกิดท่อโลหะนั้นไม่ได้ถูกต่อลงสู่พื้นดินถือว่ามีความเสี่ยงต่อชีวิตผู้ใช้งานอย่างมากทีเดียว  สำหรับหลักวิศวกรรมไฟฟ้านั้นการต่อสายดินที่ถูกต้องเหมาะสมและสมควรทำมากที่สุดคือต่อกับระบบสายดินของอาคาร อาคารส่วนใหญ่จะมีระบบสายดินสังเกตง่ายๆจะเป็นสายสีเขียว ซึ่งสายดินของอาคารจะมีหลักดินแค่จุดเดียวเท่านั้น การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำงานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงอันตรายจากไฟฟ้าจึงค่อนข้างมีมาก การเลือกใช้สายดิน 


สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง ขนาดเบรคเกอร์ 30 แอมป์ ใช้สายดินขนาด 2.5-4 ตารางมิลลิเมตร สำหรับประเภทแท่งทองแดงขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 5/8-1 นิ้ว ประเภทแท่งเหล็ก สแตนเลสขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1 ½ นิ้ว ประเภทแท่งเหล็ก ชุบทองแดงอย่างหนาขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 5/8-1นิ้ว ขนาดความยาว 1.80 – 3.00 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่ สภาพความชื้นของดินอีกด้วย ประเภทท่อเหล็กที่ต่อยาวต่อเนื่อง ฝังไปตามโครงสร้างและต่อเนื่องไปใต้พื้นดินอาจนำมาเชื่อมเป็นสายดินได้
อย่างไรก็ตาม หากเราไม่มีความชำนาญในการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น หรือสายดิน ก็ควรเรียกช่างที่มีความเชี่ยวชาญมาติดตั้งให้จะเป็นการดีที่สุด เพราะเราจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า มีแรงดันน้ำเพียงพอแรงดันน้ำต่ำสุดและแรงดันน้ำไม่สูงกว่า 4.0 กก./ตร. ซม. โดยวิธีวัดแรงดันน้ำ น้ำจะต้องดันออกจากปลายสายยางสูงกว่าตัวเครื่องอย่างน้อย 2.0 เมตร ให้ห่างจากตัวเครื่องพอประมาณ ที่สำคัญไม่ควรใช้สายฝักบัวที่เป็นโลหะกับเครื่องทำน้ำอุ่นเด็ดขาด


เพราะจะมีโอกาสนำไฟฟ้ากรณีไฟดูดได้ง่าย และสายฝักบัวควรอยู่ในสภาพดีไม่งอ หรือหัก และควรตรวจเช็คอุปกรณ์ป้องกันไฟดูดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ควรมีการตรวจสอบสภาพสายไฟ และสายดินว่าไม่มีการชำรุด หรือจุดเชื่อมต่อหลุด ควรปิดเครื่องที่ปุ่ม On/Off ทุกครั้ง เมื่อไม่ใช้งาน ไม่ควรปิดเฉพาะวาล์วน้ำ เพราะอาจจะทำให้หม้อต้มเสียหายได้ และต้องตรวจสอบระบบท่อน้ำ ไม่ควรให้มีรอยรั่วซึม เพราะอาจก่อให้เกิดไฟดูดได้นั่นเอง เพราะความปลอดภัยในการใช้งาน เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด หากไม่มั่นใจควรเรียกช่างเข้ามาติดตั้งให้เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง

ทั้งนี้ สามารถติดต่อทางเราได้ เพราะเรามีบริการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น รวมไปถึงบริการการจัดการน้ำต่างๆทั้งตามบ้านเรือนและอาคารสถานที่ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและติดตั้งระบบปั๊ม ระบบสุขาภิบาล มีทีมช่างเฉพาะทางที่พร้อมจะเข้าไปดูแล บำรุงรักษา ในส่วนของการจัดการระบบน้ำประปาและระบบสุขาภิบาลได้อย่างมีคุณภาพ

7
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


8
Doctor At Home: โรคด่างขาว (Vitiligo)

โรคด่างขาว เป็นภาวะที่ผิวหนังบางส่วนกลายเป็นรอยด่างขาว เนื่องจากผิวหนังในบริเวณนั้นไม่มีเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) จึงไม่สามารถสร้างเม็ดสี (pigment) ได้เป็นปกติเช่นเดียวกับผิวหนังส่วนที่อยู่โดยรอบ

พบได้ประมาณร้อยละ 1 ของคนทั่วไป พบได้ในคนทุกวัย พบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี

บางครั้งอาจเกิดร่วมกับโรคภูมิต้านตัวเอง (autoimmune diseases) เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ภาวะขาดไทรอยด์ เบาหวานชนิดที่ 1 โรคแอดดิสัน ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอสแอลอี โซริอาซิส (สะเก็ดเงิน) โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (pernicious anemia ซึ่งเสี่ยงต่อโรคมะเร็งกระเพาะ) เป็นต้น

ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วย อาจพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นด้วย

สาเหตุ

ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวกับปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง กล่าวคือ ร่างกายมีการสร้างแอนติบอดีต่อเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีตาย หรือสร้างเม็ดสี (melanin) ได้น้อยลง) ทำให้ผิวหนังกลายเป็นด่างขาว

นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานอื่น ๆ เช่น อาจมีการกระตุ้นปลายประสาท ทำให้มีการหลั่งสารที่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีหรือในกระบวนการสร้างเม็ดสี, หรืออาจมีการสะสมของเมตาบอไลต์ (metabolite) บางอย่างที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี

ความผิดปกติของการสร้างเม็ดสี นอกจากเกิดที่ผิวหนังแล้วยังอาจเกิดที่เยื่อเมือกในจมูกและช่องปาก เนื้อเยื่อจอตา และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย


อาการ

เป็นผื่นราบสีขาว ขอบเขตชัดเจน มีรูปร่างไม่แน่นอน และมีขนาดต่าง ๆ กันไปตั้งแต่ 1 ซม. ถึง 10 ซม. ซึ่งอาจเกิดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของผิวกายก็ได้ แต่มักจะเริ่มเกิดตรงบริเวณที่สัมผัสถูกแสงแดด เช่น ใบหน้า ริมฝีปาก แขน มือ และหลังเท้า โดยมักจะมีลักษณะการกระจายตัวทั้ง 2 ข้างของร่างกายสมมาตรกัน (เช่น ขึ้นที่หลังมือพร้อมกันทั้งซ้ายและขวา) ขอบของวงด่างขาวจะมีลักษณะโค้งหรือนูนออก จึงทำให้ผิวหนังส่วนที่ปกติที่อยู่โดยรอบมีลักษณะตรงกันข้าม คือ เว้าเข้า ขนหรือผมที่ขึ้นอยู่ในรอยด่างขาวจะกลายเป็นสีขาวเช่นกัน

เมื่อถูกแดด มักจะมีอาการแพ้แดดได้ง่าย ทำให้รอยด่างขาวออกแดงและแสบร้อนได้

แต่โดยปกติจะไม่มีอาการคันหรือปวดแสบปวดร้อนแต่อย่างใด และยังมีการรับรู้ความรู้สึกได้เป็นปกติ (รู้สึกเจ็บเมื่อถูกเข็มแทง)

รอยด่างขาวมักจะลามออกไปอย่างช้า ๆ บางรายจะเป็นเฉพาะที่ บางรายอาจมีรอยด่างขาวกระจายไปเกือบทั่วตัว

ผู้ป่วยอาจมีผม คิ้ว ขนตา และหนวดเครางอกขาว ซึ่งมักเกิดตั้งแต่อายุยังน้อย และมีรอยด่างขาวที่เยื่อเมือกในจมูกและช่องปากร่วมด้วย

บางรายพบว่ารอยด่างขาวสามารถหายได้เองหลังจากเป็นอยู่เป็นแรมเดือนแรมปี ซึ่งก็พบได้เป็นส่วนน้อย


ภาวะแทรกซ้อน

เกิดความรู้สึกว่าไม่สวยงาม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอายหรือมีปมด้อย

นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดอาการผิวไหม้จากการถูกแดด (sunburn) ง่าย และยังมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเป็นโรคตา (เช่น ต้อหิน  ม่านตาอักเสบ) หูตึงจากประสาทหูเสื่อม


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

บางรายแพทย์อาจทำการตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ และอาจทำการตรวจเลือดดูว่ามีปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (ออโตอิมมูน) หรือไม่


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ถ้าเป็นไม่มาก ไม่ต้องทำอะไร เพราะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด

แต่ถ้าเป็นมากหรือลุกลามจนน่าเกลียด แพทย์อาจให้ยารักษา ได้แก่ ซอลาเรน (psolaren) ซึ่งมีทั้งชนิดกินและทา

สำหรับชนิดกิน ผู้ใหญ่ให้กินครั้งละ 3 เม็ด ในตอนเช้าก่อนจะอาบแดด 2 ชั่วโมง แล้วจึงให้ผิวหนังส่วนที่เป็นด่างขาวอาบแดด (ควรจะเป็นช่วง 09.00 นาฬิกา) ในวันแรกควรอาบนาน 5 นาทีก่อน แล้วครั้งต่อไปค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอีกวันละ 5 นาที จนกระทั่งนานเป็น 15-30 นาที ควรทำสัปดาห์ละ 3 วัน

สำหรับชนิดทา มีชนิด 1% ซึ่งแรงไป ควรใช้น้ำผสมเจือจางเป็น 0.1% (ใช้ยา 1 ส่วนผสมน้ำ 9 ส่วน) แล้วใช้พู่กันเล็ก ๆ ทาเฉพาะที่เป็น ทิ้งไว้สัก 1/2-1 ชั่วโมง แล้วจึงอาบแดดตามวิธีดังกล่าว

ควรระวังอย่าอาบแดดนานเกินไป อาจทำให้ผิวหนังพองเป็นตุ่มน้ำได้ อาจต้องใช้ครีมสเตียรอยด์ทาหลังอาบแดดเพื่อป้องกันมิให้ผิวหนังพอง

ถ้ามีตุ่มพอง ควรหยุดใช้ซอลาเรน แล้วทาด้วยครีมสเตียรอยด์จนกว่าจะหาย แล้วจึงเริ่มใช้ซอลาเรนใหม่ แต่ควรลดเวลาอาบแดดลง

ถ้าได้ผล ผิวหนังส่วนนั้นจะเริ่มแดงก่อน ต่อมาจะมีสีคล้ำ โดยเริ่มจากบริเวณรอบ ๆ ขนก่อน แล้วจะค่อย ๆ ขยายกว้างออกไป

ในรายที่ไม่สะดวกที่จะใช้วิธีอาบแดด แพทย์อาจใช้วิธีฉายแสงอัลตราไวโอเลตเอ (UVA) แทนการอาบแดด

ระยะเวลาของการรักษา อาจนานถึง 2-3 ปี บางรายหลังหยุดยา ผิวสีอาจกลับขาวได้อีก

บางราย หากใช้วิธีดังกล่าวไม่ได้ผล อาจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน เช่น การผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีรอยด่างขาวตามผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคด่างขาว ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบมากขึ้น เช่น การออกกลางแดดจ้าหรือถูกแดดมากเกินไป (ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ทายากันแดด), การสัมผัสสารเคมี, ความเครียด เป็นต้น
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาที่นอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำมาใช้เอง
    หลีกเลี่ยงการสักบนผิวหนังตามร้านสักทั่วไป อาจทำให้โรคลุกลามมากขึ้นได้


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย และดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างจริงจัง


ข้อแนะนำ

1. ควรแยกโรคด่างขาวออกจากเกลื้อน โรคเรื้อน และกลากน้ำนม โดยที่โรคด่างขาวมักจะขึ้นกระจายคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มีขอบเขตชัดเจน ไม่คัน ไม่ชา (เข็มแทงจะรู้สึกเจ็บ) และมักเป็นเรื้อรังตลอดชีวิต

เกลื้อนมักขึ้นเป็นรอยแต้ม ๆ มีสีต่าง ๆ มีขุยบาง ๆ และหลุดออกเมื่อใช้เล็บขูด เมื่อใช้ยารักษาเกลื้อนก็มักจะหายได้เป็นพัก ๆ

โรคเรื้อนจะเป็นวงด่างซึ่งจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อ และชา (หยิกหรือเข็มแทงไม่เจ็บ)

ส่วนกลากน้ำนม มักพบในเด็กและวัยรุ่น วงด่าง มีขอบเขตไม่ชัดเจนและมีขุยบาง ๆ เมื่อโตขึ้นจะหายได้เอง

2. โรคด่างขาวไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ จึงไม่ติดต่อให้ผู้อื่น

3. โรคนี้บางครั้งอาจพบร่วมกับโรคภูมิต้านตัวเองอื่น ๆ (เช่น เบาหวานชนิดที่ 1 ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ภาวะขาดไทรอยด์ โรคแอดดิสัน ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอสแอลอี เป็นต้น) และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทางตาและหู นอกจากดูแลรักษาโรคด่างขาวแล้ว แพทย์จะทำการตรวจดูโรคเหล่านี้ หากพบก็จะให้การดูแลรักษาพร้อมกันไปด้วย

9
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


10
การเลือกผ้าห่มคลุมไหล่กันหนาว เป็นอีกของขวัญน่ารัก ๆ

การเลือก ผ้าห่มคลุมไหล่กันหนาว เป็นของขวัญน่ารัก ๆ และมีความหมายที่ดีมากๆ เลยค่ะ เพราะผ้าห่มเป็นของขวัญที่สื่อถึงความห่วงใย ความอบอุ่น และความปรารถนาดีได้อย่างชัดเจน แถมยังเป็นของใช้ที่ได้ใช้ประโยชน์จริง โดยเฉพาะในช่วงอากาศเย็นๆ หรือในห้องแอร์เย็นๆ ลองมาดูข้อควรพิจารณาในการเลือกซื้อกันค่ะ


1. พิจารณาจากผู้รับ

เพศและวัย:

ผู้หญิง/เด็กผู้หญิง: อาจเลือกดีไซน์ที่น่ารัก สีสันสดใส ลายการ์ตูน หรือลายน่ารักๆ

ผู้ชาย/เด็กผู้ชาย: อาจเลือกสีโทนเข้ม ลายเรียบๆ หรือลายกราฟิกที่ดูเท่

ผู้ใหญ่/ผู้สูงอายุ: เน้นความอบอุ่น เนื้อผ้านุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว สีสุภาพ ลายคลาสสิก หรือลวดลายดอกไม้ที่ไม่ฉูดฉาด

สไตล์และความชอบส่วนตัว:

มินิมอล/เรียบง่าย: เลือกผ้าห่มสีพื้น โทนสีกลางๆ อย่างเทา ครีม เบจ หรือสีพาสเทล

สดใส/มีชีวิตชีวา: เลือกผ้าห่มที่มีสีสันสดใส ลวดลายสนุกๆ

แฟชั่น/ทันสมัย: อาจเลือกผ้าห่มที่มีดีไซน์เก๋ๆ มีเท็กซ์เจอร์พิเศษ หรือลายที่กำลังอินเทรนด์

การใช้งาน: ผู้รับจะใช้ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือพกพาไปไหนมาไหน?


2. ชนิดของเนื้อผ้าและวัสดุ

เนื้อผ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกผ้าห่ม เพราะมีผลต่อความอบอุ่น ความนุ่ม และการดูแลรักษา

ผ้าฟลีซ (Fleece):

ข้อดี: น้ำหนักเบา นุ่ม ให้ความอบอุ่นดีเยี่ยม ซักง่าย แห้งเร็ว ราคาไม่แพง

เหมาะสำหรับ: ใช้ในห้องแอร์ อากาศเย็นปานกลาง พกพา

ผ้าสักหลาด (Flannel):

ข้อดี: นุ่มสบาย ให้ความอบอุ่นดี มีน้ำหนักเล็กน้อย

เหมาะสำหรับ: ใช้ในบ้าน อากาศเย็นปานกลาง

ผ้าไมโครไฟเบอร์ (Microfiber):

ข้อดี: นุ่มลื่น มีความละเอียดสูง ให้ความอบอุ่นดีเยี่ยม ระบายอากาศได้ดี แห้งเร็ว

เหมาะสำหรับ: ทุกสภาพอากาศที่ต้องการความนุ่มเป็นพิเศษ

ผ้าขนแกะ/ผ้าแคชเมียร์ (Wool/Cashmere):

ข้อดี: ให้ความอบอุ่นสูงมาก ทนทาน ดูหรูหรา

ข้อควรพิจารณา: ราคาสูง อาจต้องดูแลเป็นพิเศษ บางคนอาจรู้สึกคันหรือแพ้

ผ้าฝ้าย (Cotton):

ข้อดี: ระบายอากาศได้ดี ไม่ระคายเคืองผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย หรืออากาศที่ไม่เย็นจัด

ข้อควรพิจารณา: อาจไม่ให้ความอบอุ่นเท่าผ้าสังเคราะห์อื่นๆ

ผ้ากำมะหยี่/ผ้าแพร (Velvet/Silk-like fabric):

ข้อดี: ให้สัมผัสที่หรูหรา นุ่มลื่น บางเบา เหมาะสำหรับคลุมไหล่ในโอกาสพิเศษ หรือในห้องแอร์ที่ไม่เย็นมากนัก

ข้อควรพิจารณา: อาจไม่ให้ความอบอุ่นมากเท่าผ้าชนิดอื่นๆ


3. ขนาดและน้ำหนัก

ขนาด:

สำหรับคลุมไหล่โดยเฉพาะ: ขนาดเล็ก-กลาง กำลังดี ไม่เกะกะ

สำหรับห่มตัวสบายๆ ในโซฟา: อาจเลือกขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย

น้ำหนัก: เลือกน้ำหนักที่เหมาะสมกับการใช้งาน หากเน้นพกพา ควรเลือกชนิดที่น้ำหนักเบา


4. ดีไซน์ สีสัน และลวดลาย

สีพื้น: ปลอดภัยที่สุด เข้าได้กับทุกสไตล์ และดูเรียบหรู

ลายตาราง/ลายทาง: คลาสสิก เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

ลายการ์ตูน/ลายน่ารัก: เหมาะสำหรับคนอายุน้อย หรือผู้ที่ชอบความสดใส

ลายกราฟิก/นามธรรม: เหมาะสำหรับคนที่มีสไตล์ทันสมัย

ลวดลายพื้นเมือง/ชาติพันธุ์: หากผู้รับชื่นชอบงานฝีมือ หรืองานศิลปะ อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ


5. การดูแลรักษา

ควรเลือกผ้าห่มที่ ซักง่าย แห้งเร็ว เพื่อความสะดวกของผู้รับ

หลีกเลี่ยงชนิดที่ต้องซักแห้ง หรือดูแลเป็นพิเศษ หากผู้รับไม่สะดวกในการดูแลรักษา


6. งบประมาณ

ผ้าห่มคลุมไหล่มีราคาหลากหลาย ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันหรือหลายพัน ขึ้นอยู่กับวัสดุ แบรนด์ และดีไซน์ กำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุดในงบนั้นๆ


7. บรรจุภัณฑ์และการนำเสนอ

การห่อของขวัญที่สวยงาม ผูกริบบิ้นน่ารักๆ หรือใส่ถุงผ้าเล็กๆ จะช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับของขวัญ

อย่าลืมแนบการ์ดอวยพรสั้นๆ พร้อมข้อความอบอุ่น เช่น "ขอให้ผ้าห่มผืนนี้นำพาความอบอุ่นและความสุขมาให้คุณตลอดปีใหม่นะคะ"

การมอบผ้าห่มคลุมไหล่เป็นการมอบความอบอุ่นและความห่วงใยให้เพื่อนร่วมงานค่ะ หวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกของขวัญที่ถูกใจและใช้งานได้จริงนะคะ!

11
covid 19 ลงปอด อาการแบบไหน และวิธีรับมือก่อนเข้า รพ.

ตอนนี้ทั่วโลกได้รู้จักโควิด-19 สายพันธุ์ล่าสุดกันไปแล้ว นั่นก็คือ "โอมิครอน" Omicron (หรือโอไมครอน) ที่อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้รวดเร็วที่สุด มากกว่าเดิม 2-5 เท่า แต่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยเบากว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ที่เราได้พบกันมา ผู้ที่ติดเชื้อบางคนไม่แสดงอาการ หรือบางคนอาการน้อยเหมือนหวัดธรรมดา มาดูกันว่าอาการของโอมิครอนที่พบมากในประเทศไทยมีอะไรบ้าง

ไอ 54%
เจ็บคอ 37%
มีไข้ 29%
ปวดกล้ามเนื้อ 15%
มีน้ำมูก 12%
ปวดศีรษะ 10%
หายใจลำบาก 5%
ได้กลิ่นลดลง 2%

นอกจากนี้ยังมีอาการใหม่เพิ่มขึ้นมาจากสายพันธุ์อื่น ๆ คือ เหงื่อออกตอนกลางคืน ถึงจะนอนหลับในห้องแอร์ แต่เหงื่อจะออกจนเปียกโชกให้เราต้องลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลยทีเดียว

เนื่องด้วยตอนนี้ได้มีการปรับกฎเกณฑ์การเข้ารักษาตัวใหม่ โดยผู้ที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย ไม่มีความเสี่ยงทางการแพทย์ เช่น ไม่เป็นโรคเรื้อรัง ความดันโลหิตไม่สูง เป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว เน้นให้รักษาตัวแบบ home isolation ถึงแม้ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะอาการน้อยหรือไม่รุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด หรือมีโรคประจำตัวที่ต้องระวัง ก็อาจมีอาการหนักขึ้นได้ โดยอาการที่อันตรายต้องเฝ้าระวังก็คือ "อาการโควิดลงปอด" ยังเป็นอาการสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม

โควิด-19 ลงปอดอาการแบบไหน

โดยทั่วไปแล้ว การที่โควิดลงปอดส่วนใหญ่จะจัดเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและแดง มีอาการดังนี้

    มีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
    มีอาการไอ ทั้งไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ เป็นสัญญาณที่บอกว่าปอดเริ่มอักเสบ
    หายใจลำบากขึ้น รู้สึกหายใจได้ไม่เต็มปอด แน่นหน้าอก
    รู้สึกเหนื่อยหอบ เหนื่อยง่ายขึ้น จากที่ปกติไม่เหนื่อยกลับเหนื่อย
    สำหรับผู้ที่มีเครื่องวัดออกซิเจน วัดค่าออกซิเจนได้ต่ำกว่า 94% ลงไป

แต่สำหรับบางคนอาการอาจจะไม่ชัดเจน มาดูวิธีทดสอบว่าโควิดลงปอดหรือไม่กัน

เบื้องต้นอาจลองเดินไปมา ซึ่งโดยปกติจะไม่เหนื่อย ลุกยืนหรือลุกนั่ง 3 ครั้ง หรือกลั้นหายใจ 10-15 วินาที หากทำแล้ว "เหนื่อย" และวัดออกซิเจนในเลือดได้ต่ำกว่า 94% ลงไป ให้สงสัยว่าโควิดลงปอดไว้ก่อน

หรือทดสอบอาการเหนื่อยด้วยวิธี Sit-to-Stand Test

อุปกรณ์ เก้าอี้ที่แข็งแรงชนิดมีพนักพิงหลัง แต่ไม่มีที่เท้าแขน และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว

1. สวมเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วเอาไว้ ดูค่าที่วัดได้แล้วจำไว้ ยืนเท้าเอวทั้งสองข้างหน้าเก้าอี้

2. จากนั้นนั่งลงให้เต็มก้นแล้วลุกขึ้นยืนตรงทันที โดยไม่ใช้มือดันหรือจับเก้าอี้ แล้วกลับไปนั่งให้เต็มก้นอีกครั้ง ทำซ้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ใน  1 นาที โดยใช้ความเร็วแบบปลอดภัยและไม่หักโหม (ควรทำได้ 20-30 ครั้ง ใน 1 นาที) หากเกิดอาการเหนื่อยอย่างมากให้หยุดทันที ไม่ต้องรอให้ครบ 1 นาที

3. เมื่อครบ 1 นาที เช็กดูที่เครื่องวัดออกซิเจนอีกครั้ง ถ้าออกซิเจนลดลงจากเดิม 3% ขึ้นไป หายใจเหนื่อย หอบมาก พูดเป็นคำไม่ได้ แสดงว่าปอดมีปัญหา เป็นสัญญาณของเชื้อลงปอด

4. ถ้าหากไม่มีเครื่องวัดออกซิเจน อาจจะใช้วิธีจับชีพจร โดยต้องไม่เกิน 120 ครั้งต่อนาที

 ผู้ที่ไม่ควรทดสอบวิธีนี้ คือ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทรงตัวไม่ดี ผู้ที่มีไข้สูง ผู้ที่มีชีพจรช้าหรือเร็วผิดปกติ ผู้ที่มีสัญญาณชีพไม่คงที่ หรือผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือต่ำจนเกินไป

เมื่อโควิด-19 ลงปอดแล้วมีวิธีรับมือตอนรอเตียงอย่างไร

เมื่อโควิดลงปอดจะทำให้ผู้ป่วยเหนื่อยมากผิดปกติ ดังนั้นต้องช่วยให้ปอดทำงานได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการ "นอนคว่ำ" เนื่องจากปอด 2 ใน 3 จะอยู่ด้านหลัง เพื่อให้ปอดไม่มีการกดทับ เมื่อปอดทำงานได้ดีขึ้น ปริมาณออกซิเจนในร่างกายก็จะสูงขึ้น

    นอนคว่ำ และกอดหมอนไว้ที่หน้าอก เพื่อให้นอนสบายขึ้น โดยตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง
    ถ้านอนคว่ำไม่ได้ หรือหายใจไม่ออก ให้นอนตะแคงกึ่งคว่ำ หรือเอียงตัวประมาณ 45 องศา
    สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นอนโดยตะแคงด้านซ้ายลง และเฉียงตัวประมาณ 45 องศา จะทำให้น้ำหนักของมดลูกไม่ไปกดเส้นเลือดดำใหญ่ ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
    ระหว่างนอนให้ขยับขาบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน เช่น งอเข่าเข้าออก หรือเหยียดปลายเท้าแล้วดึงเข้าหาตัว ให้เกิดการเคลื่อนไหวบริเวณกล้ามเนื้อส่วนน่องและส่วนขา ทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

การดูแลตัวเองเบื้องต้นระหว่างรอเตียง

    เตรียมยาที่ควรมีติดบ้านช่วงโควิดเอาไว้ เช่น พาราเซตามอล, ยาโรคประจำตัว, ยาแก้แพ้, ยาลดน้ำมูก, ยาแก้ไอ, ยาละลายเสมหะ, ฟ้าทะลายโจร, ผงเกลือแร่ และยาสามัญประจำบ้านตัวอื่น ๆ
    ถ้ายังรับประทานอาหารได้ ให้พยายามทานให้เพียงพอ
    ดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 2-2.5 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ เลือดไม่ข้น หรือหนืด โอกาสที่จะเกิดลิ่มเลือดก็จะลดลง และช่วยให้ไม่รู้สึกเพลีย หรือมีอาการหน้ามืด แต่อย่าดื่มน้ำมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกลือแร่ในร่างกายเจือจาง
    ถ้าหากรับประทานอาหารไม่ได้ ควรดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทน หากหาซื้อเกลือแร่ไม่ได้ ให้ใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น ½ ช้อนชา ผสมลงในน้ำ 1 ขวด (750 มิลลิลิตร) แล้วดื่มแทน
    หากมียาที่ต้องกินประจำ แนะนำให้กินยาให้ต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนงดยา อย่าหยุดยาเองหากไม่มีความจำเป็น ป้องกันการกำเริบของโรคประจำตัวที่มีอยู่
    อย่าลุกไปเข้าห้องน้ำเองคนเดียว ถ้าเหนื่อยมาก การเบ่งถ่ายอาจทำให้หมดสติได้ ให้เตรียมที่สำหรับถ่ายไว้ข้างเตียง เช่น กระโถน
    หากท้องผูก ให้กินยาระบายอ่อน ๆ

แม้โอมิครอนจะมีอาการรุนแรงน้อย แต่ก็อย่าชะล่าใจกัน ระวังให้ไม่ติดโควิดดีที่สุดแล้ว ส่วนวิธีป้องกันโควิดที่ได้ผลยังคงเป็นการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงที่คนเยอะหรือไปอยู่ในพื้นที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท รักษาระยะห่าง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างคุมกันให้ร่างกายแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา


12
ข้อดีของการจัดฟันเด็ก EF LINE ที่จะทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก จะเห็นได้ว่า เด็กในสมัยนี้เราจะพบว่ามีเด็กและวัยรุ่นหลายคนที่นิยมจัดฟันจนดูเหมือนทำตามแฟชั่น ทั้งที่จริงแล้วการจัดฟันในเด็กเป็นไปเพื่อแก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครอง หลายคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่าสภาพฟันแบบไหนที่ควรจะเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ถือว่าได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเด็กไทยมักจะมีฟันผุเพราะรูปแบบการเลี้ยงดูของครอบครัวและการรับประทานอาหารของเด็กในวัยนี้ถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุมาก


รวมไปถึงพฤติกรรมที่มีในวัยเด็กก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันได้เช่นเดียว ซึ่งพฤติกรรมในวัยเด็กที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหา อันได้แก่ พฤติกรรมการดูดนิ้ว พฤติกรรมการดูดขวดนม ซึ่งยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อใบหน้า และขากรรไกรในเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม การให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นมีหลายช่วงอายุ ซึ่งต้องพิจารณาตามความผิดปกติและพัฒนาการของกะโหลกศีรษะและใบหน้าร่วมด้วย โดยมีแนวทางพิจารณาดังนี้ หากมีความผิดปกติของความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ก็ควรจะเริ่มการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามไปยังฟันข้างเคียงได้
 

ซึ่งการจัดฟันในเด็กที่สามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของกล้ามเนื้อของใบหน้า และปัญหาฟันในเด็กได้นั้น ก็คือ การจัดฟันในเด็กโดยเครื่องมือ EF LINE หรือการจัดฟันในเด็กแบบเครื่องมือติดแน่น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีของการจัดฟัน EF LINE ที่จะทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งถือว่าเครื่องมือ EF LINE ถือว่าเป็นเครื่องมือจัดฟันในเด็กที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ 3-4 ขวบ เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบ EF LINE มีลักษณะเป็นชิ้นยางที่เด็กสามารถสวมใส่ได้สะดวกสบาย เพราะเด็กบางรายที่มีความเคยชินบางอย่าง เช่น ดูดนิ้ว แกะเล็บ กัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ อุปนิสัยเหล่านี้จะมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติ

ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ดังนั้น EF line เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ ซึ่งหากเด็กไม่มีปัญหาเหล่านี้ นอกจากจะช่วยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว ยังสามารถช่วยทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก มีความมั่นใจ และยังช่วยทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย เพราะการที่บุตรหลานของท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดี แน่นอนว่าส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้เป็นอย่างดี และการพาเด็กเข้ารับการจัดฟันนั้น จะเป็นการปลูกฝังทำให้เด็กรู้จักการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เป็นการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก ทำให้เด็กคุ้นชินกับการเข้าพบทันตแพทย์ ลดปัญหาในเรื่องของเด็กกลัวทันตแพทย์ด้วย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก รวมถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมในเด็ก และยังสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง


เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะคลินิกก็ได้นำนวัตกรรมล้ำสมัยนี้มาใช้ กับเด็กเล็กที่มีอาการผิดปกติทางด้านโครงสร้างกระดูกขากรรไกรที่เป็นต้นเหตุหลักทำให้ใบหน้าผิดรูป รวมถึงการสบฟันผิดปกติในเด็กเล็ก ไม่เว้นแม้แต่พฤติกรรมที่ทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปากในอนาคตอีกด้วย

13
ภาวะแทรกซ้อน จากการจัดฟันเด็ก

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ เด็กไทยเป็นจำนวนมาก มีอาการฟันผุ เนื่องจากการรับประทานอาหารและการไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟัน รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลาในการแนะนำหรือสอนเด็กเกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง ดังนั้น เด็กไทยจึงเกิดฟันผุมาก ซึ่งบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียฟันไปเลยทีเดียว เมื่อเด็กสูญเสียฟันไป ก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งส่งผลทำให้เด็กไม่มั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง ทำให้รับประทานอาหารได้ลำบาก จนอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาร่างกายได้ เพราะเมื่อเด็กรับประทานอาหารได้ลำบาก อาจจะทำให้เด็กเกิดอาการเบื่ออาหารได้ ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารได้

ดังนั้น สุขภาพช่องปากและฟัน จึงมีคความสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายโดยรวมของเด็ก จึงเป้นสาเหตุที่ว่า เด็กควรที่จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แต่การแก้ไขปัญหาฟันสำหรับเด็กที่มีฟันผุ และเกิดการสูญเสียฟัน แน่นอนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าวตรงจุด แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ มักจะมีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน การเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็เช่นเดียวกัน ก็มีข้อเสียเหมือน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงภาวะแทรกซ้อนของการจัดฟฟันในเด็ก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับเด็ก แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภพช่องปากและฟันและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ในเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน อย่างแรกเลยก็คือ การเกิดฟันผุ โรคเหงือก ถ้ากรณีที่เด็กรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้ตามปกติแม้จะไม่ได้รับการจัดฟัน แต่การจัดฟันก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้มากขึ้นนั่นเอง ต่อมาก็คือ ปัญหาการเคลื่อนฟัน อาจมีผลต่อสุขภาพของกระดูกและเหงือกที่รองรับฟันอยู่ โดยเฉพาะอ ย่างยิ่งในกรณีที่มีรอยโรคเดิมอยู่แล้ว ในเด็กที่มีการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ

การจัดฟันจะช่วยลดการสูญเสียฟัน หรือการเกิดเหงือกอักเสบได้ ส่วนการเกิดเหงือกอักเสบหรือการเกิดการละลายตัวของกระดูกเบ้าฟัน จะเกิดได้ในกรณีที่เด็กไม่สามารถทำความสะอาดฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ออกจากฟันได้หมด ต่อมาก็คือปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยก็คือ การใช้เครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟัน อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก หรือเกิดการกระทบกระแทกต่อฟันได้บ้าง ส่วนการสึกของฟันที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นเองได้ถ้าเด็กมีการบดเคี้ยวที่รุนแรงกว่าปกติ และอีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนก็คือ  เครื่องมือจัดฟันอาจหลุด และคนไข้อาจกลืนลงไปด้วยความบังเอิญ

ซึ่งควรที่จะระมัดระวัง ยิ่งในเด็ก พ่อแม่ต้องคอยระวังให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งหมดนี้คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ทางที่ดีควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ระหว่างอยู่ในช่วงการจัดฟันด้วย เพราะถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากเด็กมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง หรือควรพามาพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไขได้ทันที

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาเ ด็กมาพบกับทันตแพทย์จัดฟันได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่ยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง โดยยึดหลักการและปัญหาฟันของเด็ก เป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาที่ดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทันตแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญด้านทันนตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด เพราะเราอ ยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

14
หมอออนไลน์: หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน (Acute labyrinthitis)

หูชั้นใน (inner ear/labyrinth) ประกอบด้วยอวัยวะ 2 ส่วน ได้แก่ อวัยวะหอยโข่ง (cochlea) ซึ่งควบคุมเกี่ยวกับการได้ยิน กับหลอดกึ่งวง (semicircular canals) 3 อัน ซึ่งควบคุมเกี่ยวกับการทรงตัว โดยมีเส้นประสาทเชื่อมต่อกับสมอง เส้นประสาทแขนงที่เชื่อมระหว่างอวัยวะที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว (ในหูชั้นใน) กับสมองมีชื่อว่า เส้นประสาทการทรงตัว (vestibular nerve)

ทั้งหูชั้นในและเส้นประสาทการทรงตัวอาจเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุนอย่างรุนแรงคล้ายกัน ต่างกันตรงที่หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน (ซึ่งมีการอักเสบของเส้นประสาทการทรงตัวร่วมกับประสาทการได้ยิน) จะมีอาการหูตึงและมีเสียงดังในหูร่วมด้วย ในขณะที่เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบจะมีอาการบ้านหมุนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 โรคนี้มีสาเหตุและการดูแลรักษาในแนวเดียวกัน

โรคทั้ง 2 ชนิดนี้ พบได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยกลุ่มอายุ 30-60 ปี

หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน,เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ

สาเหตุ

อาการผิดปกติเกิดจากหูชั้นใน/เส้นประสาทการทรงตัวมีการอักเสบ ทำให้กระทบต่อการส่งสัญญาณไปที่สมองของประสาทการทรงตัวและประสาทการได้ยิน (สำหรับโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน) หรือการส่งสัญญาณของประสาทการทรงตัวเพียงอย่างเดียว (สำหรับโรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ) ทำให้เกิดอาการผิดปกติของการทรงตัวและการได้ยิน (สำหรับโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน) หรืออาการผิดปกติของการทรงตัวเพียงอย่างเดียว (สำหรับโรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ)

ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส ที่พบบ่อยคือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น นอกจากนี้อาจเกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น คางทูม หัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส เริม งูสวัด ตับอักเสบจากไวรัส เอชไอวี เป็นต้น

ส่วนน้อยอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น หูชั้นกลางอักเสบจากแบคทีเรีย โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย) ซึ่งพบว่าผู้มีความเสี่ยงต่อการเป็นหูชั้นในอักเสบจากแบคทีเรีย คือ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และมักทำให้เกิดโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันมากกว่าเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ

นอกจากนี้ บางรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่เป็นหูชั้นในอักเสบ ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ (เช่น การบาดเจ็บที่หูหรือศีรษะ การผ่าตัดหู) บางรายอาจพบร่วมกับโรคภูมิต้านตนเอง (เช่น เอสแอลอี ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง)

ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด มีความเครียดจัด ร่างกายเหนื่อยล้าเป็นประจำ มีประวัติโรคภูมิแพ้ หรือกินยาบางชนิด (เช่น แอสไพริน ยาต้านซึมเศร้า ยารักษาเบาหวานบางชนิด) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันมากขึ้นกว่าปกติ

อาการ

หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการเวียนศีรษะ เห็นบ้านหมุนอย่างฉับพลันและรุนแรงติดต่อกันนานเป็นวัน ๆ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการทรงตัว (ลุกนั่ง ยืน เดิน ทรงตัวไม่ได้ มักจะเซล้มไปข้างหนึ่ง) ร่วมกับมีเสียงในหู (หูอื้อ) และ/หรือหูตึง (ได้ยินเสียงที่มีความถี่สูงไม่ชัด) ในหูข้างหนึ่ง และอาจมีอาการตากระตุก (มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของดวงตาซึ่งเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ตั้งใจ) ร่วมด้วย

ผู้ป่วยมักมีอาการรุนแรงจนต้องนอนพัก ลุกขึ้นเดินลำบากและทำงานไม่ได้ ซึ่งมักจะเป็นอยู่นาน 2-3 วัน บางรายอาจนานถึง 1 สัปดาห์

ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่พบว่าจะมีอาการบ้านหมุนเกิดขึ้นหลังเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น บางรายอาจมีประวัติเป็นโรคติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ หรือหูชั้นกลางอักเสบมาก่อน

เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ มีอาการแบบเดียวกับหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันดังกล่าวข้างต้น แต่จะไม่มีอาการหูตึงและเสียงดังในหูร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และจะหายได้เป็นปกติ และมักไม่กลับมากำเริบอีก

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ ได้แก่

    ขณะที่มีอาการอย่างฉับพลันและรุนแรง อาจทำให้ทำงานหรือขับรถไม่ได้ หรืออาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือหกล้มได้
    ในรายที่มีอาการอาเจียนมาก อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
    บางรายหลังจากอาการทุเลาลงแล้ว อาจมีอาการของบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า (บีพีพีวี) ตามมา ซึ่งจะมีอาการไม่รุนแรง แต่จะเป็นเรื้อรังอยู่นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ๆ
    สำหรับผู้ที่เป็นหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน อาจมีอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างถาวร ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก และมักจะพบในรายที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (โรคหูน้ำหนวกเรื้อรัง) เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย

ส่วนในรายที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างถาวร ที่อาจพบได้ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดที่บริเวณหู

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจหู ตา และระบบประสาท)

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก ได้แก่ อาการบ้านหมุนที่เกิดขึ้นฉับพลันและรุนแรง ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการทรงตัว ลุกนั่งไม่ได้ โดยมีอาการต่อเนื่องกันนานเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ และมักมีประวัติว่าเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น หรือหูชั้นกลางอักเสบมาก่อนที่จะมีอาการบ้านหมุน

การตรวจดูตา อาจพบอาการตากระตุก

ในรายที่มีอาการบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า (บีพีพีวี) ซึ่งพบในระยะหลังของโรค การทดสอบดิกซ์ฮอลล์ไพก์ มักจะให้ผลบวก คือกระตุ้นให้เกิดอาการบ้านหมุนและตากระตุก

ในรายที่ยังวินิจฉัยไม่ได้ชัดเจน มีอาการแย่ลงหรือนานกว่า 3 สัปดาห์ หรือสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น (เช่น โรคทางสมอง โรคทางหูชนิดอื่น ๆ) แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตรวจสมรรถภาพของการได้ยิน (audiometry) ตรวจความผิดปกติของหูชั้นในที่เกี่ยวกับการทรงตัว (เช่น electronystagmograp hy/ENG, video head impulse test) ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

1. ในรายที่อาการไม่รุนแรง และยังกินอาหารดื่มน้ำได้ ลุกขึ้นเดินได้ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลตนเอง และให้การรักษาตามอาการ เช่น ไดเมนไฮดริเนต, ไดเฟนไฮดรามีน, ไดอะซีแพม ครั้งละ 1-2 เม็ด ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง จนกว่าจะทุเลาก็จะหยุดยา (ส่วนใหญ่อาจใช้ยาอยู่เพียง 2-3 วัน)

2. ในรายที่มีอาการบ้านหมุน อาเจียนรุนแรง ลุกขึ้นเดินไม่ได้ หรือกินอาหารไม่ได้/ดื่มน้ำไม่ได้, มีอาการหูตึงอย่างฉับพลัน ปวดหูหรือมีหนองไหลออกจากหู, มีอาการเดินเซ ปวดศีรษะมาก เห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ หรือแขนขาชา/อ่อนแรง, เป็นเริม/งูสวัด/อีสุกอีใส/โรคภูมิต้านตัวเอง, มีอาการหลังได้รับบาดเจ็บ หรือสงสัยเป็นโรคทางสมอง (เช่น โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกสมอง) อย่างใดอย่างหนึ่ง แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม และให้การรักษาดังนี้

    ให้ยารักษาตามอาการ อาจต้องใช้ยาฉีด เช่น ไดอะซีแพม หรือโพรคลอร์เพอราซีน (prochlorperazine) เมื่อดีขึ้นค่อยเปลี่ยนเป็นยาเม็ดไดเมนไฮดริเนต หรือโพรคลอร์เพอราซีน ให้กินต่อจนกว่าจะหายเป็นปกติ
    ในรายที่มีอาการอาเจียนบ่อย กินอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ แพทย์จะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
    ในรายที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริม งูสวัด หรืออีสุกอีใส แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัส เช่น ให้อะไซโคลเวียร์
    สำหรับผู้ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งแก้ไขภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
    ในรายที่มีอาการหูตึง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสเตียรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) เพี่อลดการอักเสบของประสาทหู บางรายแพทย์อาจใช้วิธีฉีดยาสเตียรอยด์ผ่านเยื่อแก้วหูเข้าไปในหูชั้นกลาง
    ในรายที่มีอาการรุนแรงมากหรือสงสัยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (ปวดศีรษะและอาเจียนรุนแรง คอแข็ง ซึม ชัก) แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

3. ในรายที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับประสาทการทรงตัวเรื้อรังนานเป็นเดือน ๆ หรือเป็นแรมปี แพทย์จะให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูประสาทการทรงตัว (vestibular rehabilitation)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่อาการจะทุเลาลงภายใน 1-3 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติใน 1-2 เดือน

บางรายอาจมีอาการเมารถเมาเรือง่าย หรือมีอาการบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่าหรือบีพีพีวี อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ อยู่นานหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ๆ หรืออาจมีอาการสูญเสียการทรงตัวนานเป็นแรมเดือนแรมปี แล้วหายไปได้เองในที่สุด

ส่วนอาการหูตึงส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ทุเลาจนหายเป็นปกติ มีน้อยรายที่อาจมีอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างถาวร ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรีย บางรายอาจมีอาการมีเสียงในหูอย่างถาวร

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการทรงตัว และอาจมีอาการหูตึง มีเสียงดังในหูร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน/เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการขับรถ การทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร และการปีนขึ้นที่สูง
    อย่าเคลื่อนไหวศีรษะเร็ว ๆ และหลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการ (เช่น การเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว การก้มหรือเงยคอ การหันหน้าไปจนสุด)
    ขณะมีอาการควรนอนนิ่ง ๆ และหลับตาในห้องที่เงียบ ๆ มืด ๆ จนกว่าจะทุเลา
    ดื่มน้ำให้มากพอ โดยจิบทีละน้อยแต่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
    ควรกินอาหารเหลว (เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม) ดื่มนม น้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ ทีละน้อยแต่บ่อย ๆ เพื่อลดอาการอาเจียน
    หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ แสงสว่างจ้าหรือแสงกะพริบ เสียงรบกวน การดูทีวีและจอคอมพิวเตอร์ การอ่านหนังสือ สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด
    เมื่ออาการเริ่มทุเลาลง ควรค่อย ๆ ลุกขึ้น ควรมีคนคอยพยุงเวลาลุกขึ้นเดิน     

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการบ้านหมุนรุนแรง อาเจียนมาก กินไม่ได้ หรือดื่มน้ำไม่ได้ หรือลุกขึ้นนั่งไม่ได้ (ต้องนอนนิ่งบนเตียง) นานเป็นวัน ๆ
    มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ตาเห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ แขนขาชาหรืออ่อนแรงข้างหนึ่ง เป็นลม ชัก เป็นต้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ดูแลรักษานาน 1 สัปดาห์แล้วอาการไม่ทุเลา
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีการป้องกันที่ได้ผลเต็มที่

อาจลดความเสี่ยงลงด้วยการปฏิบัติตัว ดังนี้

    ดูแลตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และหูชั้นกลางอักเสบ และหากเป็นโรคเหล่านี้ควรดูแลรักษาให้ได้ผลแต่เนิ่น ๆ
    ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ หัด หัดเยอรมัน คางทูม อีสุกอีใส
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และหาทางผ่อนคลายความเครียด

ข้อแนะนำ

1. อาการบ้านหมุนมักมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหูชั้นใน ซึ่งอาจมีสาเหตุหลายประการด้วยกัน หากมีอาการบ้านหมุนรุนแรง หรือเป็นครั้งละนานมากกว่า 20 นาที เป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หูตึง มีเสียงดังในหู หรือสูญเสียการทรงตัว มักจะไม่ใช่มีสาเหตุจากโรคบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า (บีพีพีวี) แต่อาจเกิดจากโรคเมเนียส์ หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน หรือเนื้องอกประสาทหูได้ ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุ

2. โรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน/เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ และโรคเมเนียส์ มีอาการบ้านหมุนอย่างฉับพลันและรุนแรง ร่วมกับอาการหูตึง มีเสียงดังในหู สูญเสียการทรงตัว และคลื่นไส้ อาเจียนคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน/เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ จะเป็นติดต่อกันนาน 2-3 วัน และเมื่อหายแล้วมักจะไม่มีอาการกำเริบใหม่ (ถ้าพบว่ามีอาการกำเริบใหม่ มักจะเกิดจากสาเหตุอื่น) ส่วนโรคเมเนียส์มักจะมีอาการนานครั้งละไม่กี่นาทีถึงหลายชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และจะมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราวอยู่เรื่อย ๆ

3. ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีอาการรุนแรงอยู่ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ทุเลาลง เมื่อรู้สึกทุเลาค่อนข้างดีแล้ว ควรหยุดยาที่ใช้บรรเทาอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ควรกินต่อเนื่องไปนาน ๆ เพราะอาจทำให้ประสาทการทรงตัวฟื้นตัวได้เนิ่นช้าไป และผู้ป่วยควรลุกขึ้นเดินและเคลื่อนไหวร่างกายโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นคืนสู่ปกติได้เร็ว

15
สร้างอาชีพ จากเมนูคอหมูย่างตะไคร้ เมนูหมูเนื้อนุ่ม หอมกรุ่นกลิ่นตะไคร้ อร่อยทำง่ายได้ที่บ้าน

หากคุณกำลังมองหาอาหารไทยรสชาติดีและปรุงง่ายที่บ้านคอหมูย่างตะไคร้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ อาหารจานนี้มีคอหมูที่ชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้นผสมผสานกับกลิ่นหอมของตะไคร้ ทำให้เป็นอาหารจานอร่อยที่มีกลิ่นหอม ที่สำคัญคือทำง่ายด้วยส่วนผสมพื้นฐานและเตาปิ้งย่างหรือกระทะที่ใช้ในครัวที่บ้าน คอหมูย่างตะไคร้เป็นเมนูที่ทำง่ายและอร่อย เหมาะสำหรับทำกินเองที่บ้านหรือทำเลี้ยงในงานปาร์ตี้ก็ได้

วัตถุดิบ
คอหมู 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้นหนา)
ตะไคร้ 2 ต้น (สับละเอียด)
กระเทียม 3 กลีบ (สับ)
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

คำแนะนำ
เตรียมน้ำหมัก: ในชาม ผสมตะไคร้สับ กระเทียมสับ ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา น้ำตาล พริกไทยดำ และน้ำมันพืช คนให้เข้ากัน

หมักหมู: ใส่คอหมูลงในน้ำหมัก โดยให้แน่ใจว่าเนื้อหมูแต่ละชิ้นเคลือบซอสหมักดีแล้ว หมักทิ้งไว้ประมาณ1 ชั่วโมง (หรือข้ามคืนเพื่อรสชาติที่ดีขึ้น)

ย่างหมู: ตั้งกระทะย่างหรือเตาบาร์บีคิวบนไฟปานกลาง ย่างหมูประมาณ4-5 นาทีต่อด้านจนเป็นสีน้ำตาลทองและสุกทั่วกัน หากใช้กระทะธรรมดา ให้ใส่น้ำมันเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ติดกระทะ

พักและหั่น: เมื่อสุกแล้ว ปล่อยให้หมูพักไว้สักสองสามนาที ก่อนที่จะหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ

เสิร์ฟพร้อมความอร่อย : เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว ผักสด และน้ำจิ้มรสเด็ด เช่นน้ำจิ้มมะขามเปียก

เคล็ดลับการย่างคอหมูให้อร่อยที่สุด
ใช้ตะไคร้สดเพื่อให้มีกลิ่นหอมที่สุด
หมักหมูไว้ข้ามคืนเพื่อรสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

เคล็ดลับ:
เพื่อให้คอหมูย่างมีกลิ่นหอมและรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น ควรหมักหมูทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
หากไม่มีกระทะย่าง สามารถใช้เตาอบหรือเตาถ่านแทนได้
สามารถเพิ่มผักสด เช่น แตงกวา ผักกาดหอม หรือผักชี เพื่อเพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการ

หากคุณชอบรสชาติแบบรมควัน ให้เลือกย่างบนเตาถ่าน
คอหมูย่างตะไคร้เป็นเมนูง่ายๆ รสชาติอร่อยที่นำรสชาติไทยแท้มาไว้ที่บ้านของคุณ เหมาะสำหรับมื้ออาหารกับครอบครัวหรือสังสรรค์เล็กๆ ลองชิมแล้วคุณจะติดใจ

หน้า: [1] 2 3 ... 47
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google