แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 32
1
การใส่สายอาหารทางหน้าท้อง เพื่อให้ อาหารสายยาง 

การให้อาหารทางสายยาง ถือเป็นการรักษาโรคอย่างหนึ่งของผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ จึงต้องมีความจำเป็นที่จะต้องให้ อาหารสุขภาพ ทางสายยางให้อาหาร เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอต่อร่างกาย ป้องกันการเกิดภาวะขาดสารอาหารและช่วยรักษาสมดุลของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ การใส่สายอาหารทางหน้าท้องโดยใช้กล้องส่องกระเพาะอาหาร คือการใส่สายยางให้อาหารทางหน้าท้อง โดยใช้กล้องส่องกระเพาะอาหารช่วยนำสายยางให้อาหารเจาะผ่านออกมาทางหน้าท้อง วิธีนี้จะง่าย สะดวก รวดเร็วและผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงต่อการผ่าตัดใหญ่ ขนาดแผลหน้าท้องจะยาวเพียง 0.5 เซนติเมตร และอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง


ซึ่งการให้อาหารทางสายยางมีอยู่ 2 แบบ ที่มักเห็นได้ทั่วไปก็คือ การให้อาหารทางสายยางผ่านทางรูจมูกและการให้อาหารทางสายยางที่ให้ผ่านหน้าท้อง ซึ่งการให้อาหารโดยใส่สายยางให้อาหารทางหน้าท้องนั้น เป็นวิธีที่ง่ายต่อการให้อาหารมากกว่าการใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาหารเจ็บและอาจะอาเจียนได้ เนื่องจากต้องใส่สายยางเข้าไปทางจมูก ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดการระคายเคืองและทรมานมาก เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว หรือ มีปัญหาในการกลืน หรือ รับประทานอาหารเองไม่ได้ สามารถใช้วิธีนี้ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการสำลักอาหารเข้าปอด ผู้ป่วยที่ดึงสายให้อาหารทางจมูกบ่อยครั้ง

สำหรับการเตรียมตัวเพื่อใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง ผู้ป่วยจะต้องงดอาหารและน้ำดื่มก่อนทำประมาณ 6 -8 ชั่วโมง งดยาละลายลิ่มเลือด เช่น Plavix Coumadin หรือ Aspirin เป็นเวลา 7 วันก่อนทำการใส่สายหน้าท้อง เพื่อให้สะดวกแก่การให้อาหารทางสายยางให้อาหารทางหน้าท้อง โดยมีขั้นตอนการทำ ผู้ป่วยจะได้รับยาชาโดยการอมและพ่นในคอ หรือ ให้ยาสลบทางหลอดเลือดดำ หรือ การดมยาสลบแล้วแต่กรณี แพทย์ผู้ทำการรักษาจะใส่กล้องส่องกระเพาะอาหารเข้าไปในปากผ่านหลอดอาหารสู่กระเพาะอาหาร และฉีดยาชาที่หน้าท้องเพื่อเจาะใส่สายให้อาหารซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาที ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องงดอาหารประมาณ 1 – 3 วันเมื่อแผลเจาะกระเพาะอาหารสมานดี แพทย์จะเริ่มให้อาหารทางหน้าท้อง


ซึ่งถือว่าการให้อาหารทางสายยางบริเวณหน้าท้องจะมีวิธีที่ยุ่งยาก ซับซ้อนเพียงขั้นตอนแรก ซึ่งเรื่องของความสะอาดจะต้องคำนึงเป็นอันดับแรก เพราะแผลที่แพทย์ได้ทำการเจาะอาจจะเกิดการติดเชื้อ จึงต้องดูแลรักษาแผลอย่างถูกต้องและสะอาดมากที่สุด หลังจากนั้นในระยะ 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง ควรทำความสะอาดแผลรูเปิดและใต้แป้นสายสวน โดยวิธีปราศจากเชื้อ โดยใช้น้ำยาเบตาดีน หรือ 70% แอลกอฮอล์ และปิดผ้าก๊อซปราศจากเชื้อ วันละ 2 ครั้ง (เช้า – เย็น) และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาลอย่างเคร่งครัด เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อ ต่อมาเมื่อแผลแห้งดีแล้ว ให้ใช้น้ำเกลือล้างแผล หรือ น้ำต้มสุก ทำความสะอาดแผลและใต้แป้นสายสวนให้สะอาด เช็ดให้แห้ง และปิดผ้าก๊อซไว้

ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ (ยกเว้นมีข้อห้ามจากแพทย์) และทำความสะอาดแผลตามปกติ (ถ้าขอบแผลอักเสบยังไม่ควรอาบน้ำ) การดูแลสายยางให้อาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ควรทำความสะอาดสายให้อาหารด้านนอกและข้อต่อด้วยสบู่และน้ำสะอาด ส่วนสายสวนชนิดระดับผิวหนังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ด ไม่ควรหักหรือพับงอสายให้อาหารนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหักหรือพับงอ ทำให้เกิดการอุดตันได้ กรณีที่ผู้ป่วยใช้สายให้อาหารทางหน้าท้องชนิดลูกโป่ง ควรหมั่นตรวจสอบว่าตำแหน่งของสายที่ระดับผิวหนังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เนื่องจากสายอาจเลื่อนเข้าไปในกระเพาะมากเกินไป ต้องดูแลให้ระดับบ่าท่อที่อยู่ทางหน้าท้องอยู่ที่ขีด 6 เซนติเมตร และควรหมุนตัวสายทุก 2 – 3 วัน เพื่อป้องกันการฝังตัวของหัวเปิดในช่องกระเพาะอาหาร ไม่ควรใช้อาหารที่มีความร้อนเพราะจะทำให้อายุการใช้งานน้อยลง ซึ่งปกติจะใช้ได้นาน 6 – 8 เดือน ทั้งนี้ควรเปลี่ยนสายทุก 6 เดือน หรือเมื่อมีสายบวม หมดสภาพ ต้องทำความสะอาด ปาก ลิ้น และฟัน ของผู้ป่วยทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ให้อาหารทางปาก ถ้าผู้ป่วยสามารถบ้วนปากได้ควรให้บ้วนปากบ่อยๆ เพื่อป้องกันมิให้ปากแห้งและป้องกันการติดเชื้อด้วย

2
การจัดฟันเด็ก ต้องเข้ารับการถอนฟันหรือไม่

เด็กๆหลายคน มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน บางคนมีฟันที่มีความผิดปกติ เช่น ฟันซ้อนเก ซึ่งถ้าหากบุตรหลานของท่านมีฟันซ้อนเก ในระดับปานกลาง หรือมาก ทันตแพทย์อาจจะพิจารณาให้เด็กเข้ารับการถอนฟันเสียก่อน เพื่อให้ฟันได้เรียงตัวอย่างสวยงามและไม่มีปัญหาในเรื่องของการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะในเรื่องของบดเคี้ยวอาหาร รวมไปถึงการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก็จะทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการถอนฟันนั้น ก็มีข้อดีสำหรับผู้ที่มีปัญหา เพราะจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเรียงฟันให้เรียบและสวยงาม นอกจากนี้ เมื่อฟันเราเรียงเรียบสวยงามแล้ว ยังทำให้เราทำความสะอาดฟันง่ายขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม การถอนฟันยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันที่ยื่นล้ำหน้าให้เข้ามาด้านใน ทำให้ฟันที่ยื่นดูยุบลง ส่งผลให้รูปใบหน้าเปลี่ยนแปลง สวยขึ้นด้วย และสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่อยากจะมีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติตั้งแต่เด็กๆ ก็ต้องปรึกษาทันตแพทย์เสียก่อน โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรให้ความสำคัญในข้อนี้ด้วย เพราะถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาฟันตามที่กล่าวมา ก็ควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อหาทางแก้ไข ซึ่งเด็กๆหลายคนอาจจะมีความกังวลว่า ถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว จะต้องเข้ารับการถอนฟันหรือไม่ ซึ่งหลายคนอาจจะกลัวการถอนฟัน เพราะอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวด ได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ว่าต้องเข้ารับการถอนฟันหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองได้พูดทำความเข้าใจกับเด็กถึงในการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กหลายคนอาจจะมีความกังวลในเรื่องของการถอนฟัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ปัญหาฟันของแต่ละบุคคลนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษา พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อที่จะได้วางแผนในการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับในเรื่องของการเข้ารับการถอนฟันก่อนเข้ารับการจัดฟันนั้น ทันตแพทย์จะทำการตรวจประเมินช่องปากและฟันในเบื้องต้น

ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของฟันซ้อนเก ก็อาจจะพิจารณาให้เข้ารับการถอนฟัน ก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือบางคนอาจจะยิ้มแล้วฟันดูเต็มช่องปาก ซึ่งการเข้ารับการถอนฟันก็จะช่วยให้ยิ้มได้สวยขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งเด็กที่มีปัญหาฟันฝัง เช่น ฟันเขี้ยว ซึ่งฟันฝังบางกรณีก็ยากที่จะดึงลงมาสู่ช่องปากได้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีฟันฝังลึกๆ ฟันฝังที่รากโค้งงอ หรือฟันฝังที่รากยึดติดกับกระดูก กรณีนี้ทันตแพทย์ก็อาจพิจารณาให้ถอนฟันออก แต่อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการถอนฟัน ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการถอนฟันทุกคน เพราะเด็กบางคนอาจจะมีปัญหาฟัน

ซ้อนเกเพียงเล็กน้อย ซึ่งทันตแพทย์สามารถแก้ไข ดึงฟันให้กลับมาเรียงตัวอย่างสวยงามได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการถอนฟัน หรือถ้าหากเด็กบางคนมีใบหน้าค่อนข้างยุบ การเข้ารับการจัดฟันโดยไม่เข้ารับการถอนฟันก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดก็ได้ ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา หรืออาจจะศึกษาข้อมูลรายละเอียด รวมไปถึงขั้นตอนการเตรียมก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีความพร้อมและให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาได้อย่างเต็มที่และไม่มีความกังวล

อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกของเรา ก็มีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเข้ารับการรักษา  ทางเราอยากให้เด็กทุกคนมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีในอนาคต

3
ข้าวผัดต้มยำไก่ เปรี้ยวแซ่บถึงเครื่อง หอมอร่อย สูตรทำขายสร้างรายได้

ข้าวผัดไก่ต้มยำเป็นอาหารจานเดียวที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารไทยแสนอร่อยที่ผสมผสานรสชาติที่เข้มข้นของต้มยำเข้ากับรสชาติที่ผ่อนคลายของข้าวผัด อาหารจานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสมดุลของรสชาติเผ็ดเปรี้ยวเค็มและหวานเล็กน้อยที่อาหารไทยขึ้นชื่อ ทำง่าย อัดแน่นด้วยส่วนผสมที่มีกลิ่นหอม และเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเพลิดเพลินกับรสชาติของต้มยำในมื้ออาหารที่เรียบง่ายและน่าพึงพอใจ

ข้าวผัดต้มยำไก่ เป็นเมนูอาหารจานเดียวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่จัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด หอมกลิ่นเครื่องต้มยำ ทำให้เป็นเมนูที่ถูกใจคนไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก

อะไรที่ทำให้ข้าวผัดไก่ต้มยำพิเศษ?
ข้าวผัดจานนี้แตกต่างจากข้าวผัดทั่วไป เพราะมีส่วนผสมของต้มยำ เช่นตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า พริก และน้ำมะนาวเพื่อให้ได้รสชาติที่เปรี้ยวและเผ็ดร้อนเป็นเอกลักษณ์ ไก่ยังช่วยเพิ่มโปรตีน ทำให้เป็นอาหารมื้อที่อิ่มท้องและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ส่วนผสมที่สำคัญ
ข้าวหอมมะลิหุงสุก – ควรเป็นข้าวเหลือเพื่อให้มีเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด
ไก่ – หั่นเป็นชิ้นหรือเต๋า เพื่อความชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้น
น้ำพริกต้มยำ – เพิ่มรสชาติแบบต้นตำรับได้ทันที
กระเทียมและพริก – เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่าส่วนผสมสำคัญของต้มยำ
น้ำปลาและน้ำมะนาว – เพื่อปรับสมดุลรสเค็มและเปรี้ยว
มะเขือเทศเชอร์รี่และหัวหอม – เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและความหวาน
ผักชีสดและต้นหอม – สำหรับตกแต่งและเพิ่มความสดชื่น

วิธีทำข้าวผัดไก่ต้มยำ
เตรียมส่วนผสม

หั่นไก่เป็นชิ้น สับกระเทียม และหั่นเครื่องปรุงให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
เตรียมส่วนผสมทั้งหมดให้พร้อมเพื่อให้การปรุงอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น
ผัดเครื่องหอม

ตั้งน้ำมันในกระทะหรือกระทะจีนบนไฟปานกลาง
ใส่กระเทียม พริก ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่า ผัดจนมีกลิ่นหอม
ปรุงไก่

ใส่ไก่ที่หั่นไว้ลงไปแล้วผัดจนเป็นสีน้ำตาลทอง
ปรุงรสข้าว

คน ส่วนผสมให้เข้ากัน โดยใส่เครื่องต้มยำ น้ำปลา และน้ำตาลเล็กน้อย ให้เข้ากัน
ใส่ข้าวสวยที่หุงสุกแล้วลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยให้แน่ใจว่ามีรสชาติเคลือบทุกเมล็ด
จบด้วยความสดชื่น

เติมน้ำมะนาว มะเขือเทศเชอร์รี และหัวหอม ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
เสิร์ฟและเพลิดเพลิน

ตกแต่งด้วยผักชีสดและต้นหอมก่อนเสิร์ฟ
เสิร์ฟร้อนพร้อมมะนาวฝานเป็นแว่นเพื่อรสชาติแซ่บยิ่งขึ้น
ทำไมคุณถึงควรลองเมนูนี้
รวดเร็วและง่ายดาย – เหมาะสำหรับมื้อด่วนที่บ้าน
อัดแน่นด้วยรสชาติ – ความผสมผสานระหว่างข้าวผัดและต้มยำในจานเดียว
ปรับแต่งได้ – ปรับระดับความเผ็ดหรือเพิ่มกุ้งสำหรับเวอร์ชันอาหารทะเล

ไม่ว่าคุณจะชอบข้าวผัดหรือต้มยำ อาหารจานนี้ถือเป็นเมนูที่ต้องลองสำหรับใครก็ตามที่ชื่นชอบรสชาติไทยๆ เข้มข้นและหอมกรุ่น ลองทำข้าวผัดไก่ต้มยำวันนี้ แล้วเพลิดเพลินกับมื้ออาหารรสเผ็ดเปรี้ยวแสนอร่อยในเวลาเพียงไม่กี่นาที

4
ทาวน์เฮ้าส์ บ้านกลางเมือง รามคำแหง 174 สเตชั่น (Baan Klang Mueng Ramkhamhaeng 174 Station)
N/A 

บ้านกลางเมือง รามคำแหง 174 สเตชั่น (Baan Klang Mueng Ramkhamhaeng 174 Station)
บ้านกลางเมือง รามคำแหง 174 สเตชั่น ทาวน์โฮมโครงการใหม่จาก เอพี ไทยแลนด์ เตรียมพบกับการเปิดตัวดีไซน์ใหม่ บ้านทาวน์โฮมใกล้รถไฟฟ้าได้ในเร็วๆ นี้

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                   บ้านกลางเมือง รามคำแหง 174 สเตชั่น (Baan Klang Mueng Ramkhamhaeng 174 Station)
 เจ้าของโครงการ              เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย                    บ้านกลางเมือง
 ราคา                           N/A
 ประเภทบ้าน                  ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล                 บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ                 28 ไร่ 16 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน                    316 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
  เนื้อที่บ้าน                   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น                    โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 หน้ากว้าง                    โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค               ฟิตเนส

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน                 มีนบุรี, หนองจอก, ลาดกระบัง, บึงกุ่ม
 ที่ตั้ง                 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510

 ขนส่งสาธารณะ                    ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีส้ม, สถานี(ตลิ่งชัน - สุวินทวงศ์)(มีนพัฒนา)
 สถานที่สำคัญใกล้เคียง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ปีที่สร้างเสร็จ                      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

5
หมอประจำบ้าน: มะเร็งโพรงหลังจมูก (Nasopharyngeal cancer)

มะเร็งโพรงหลังจมูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อชาติจีน พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ประมาณ 2-3 เท่า พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบมากในช่วงอายุ 50-60 ปี

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีความสัมพันธ์กับเชื้อชาติ (พบในคนเชื้อชาติจีนมากกว่าคนไทย) และมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้ออีบีวี (Ebstein-Barr virus/EBV) การบริโภคอาหารที่มีสารไนโตรซามีน (ซึ่งมีในเนื้อสัตว์รมควัน หมักดอง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม) การระคายเคืองเรื้อรัง เช่น กำยาน ควันธูป ควันไฟจากการเผาไม้หรือหญ้า

ผู้ที่มีประวัติโรคนี้ในครอบครัวมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูงกว่าคนปกติ

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดงชัดเจน ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ในระยะลุกลามแล้ว ด้วยอาการคัดแน่นจมูกข้างหนึ่ง มีน้ำมูกปนเลือด มีเลือดกำเดาไหลบ่อย หูอื้อหรือมีเสียงในหูข้างหนึ่ง (เนื่องจากก้อนมะเร็งอุดกั้นท่อยูสเตเชียน) มีก้อนแข็งข้างคอขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 ซม. (มะเร็งลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองข้างคอ) ชาและเสียวที่แก้มข้างที่เป็นมะเร็ง ตาเข เห็นภาพซ้อน (จากกล้ามเนื้อกลอกลูกตาเป็นอัมพาต จากมะเร็งที่ลุกลามกดเบียดเส้นประสาท)

นอกจากนี้ อาจมีอาการอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดหู หูชั้นกลางอักเสบซึ่งกำเริบบ่อย เจ็บคอ เสียงแหบ มีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด สำลักน้ำขึ้นจมูก อ้าปากไม่ขึ้น กลืนลำบาก พูดลำบาก หายใจลำบาก เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ก้อนมะเร็งอาจลุกลามไบยังบริเวณข้างเคียง ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ (ทำให้หายใจลำบาก) กลืนอาหารลำบาก

ในระยะท้าย มะเร็งมักแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ), สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชา และเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการใช้กระจกเล็ก ๆ หรือกล้องส่องเข้าไปในโพรงหลังจมูก และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งทำการตรวจเลือดดูภูมิคุ้มกันต่อไวรัสอีบีวี (ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยและติดตามผลภายหลังการรักษา) ตรวจชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองข้างคอ และทำการตรวจพิเศษ เช่น ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์ปอด สแกนกระดูกดูการแพร่กระจายของมะเร็ง

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยรังสีบำบัด (การฉายรังสีหรือใส่แร่) หรือรังสีบำบัดร่วมกับเคมีบำบัด ส่วนการผ่าตัด อาจทำในกรณีที่จำเป็นต้องผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองที่คอออกไป น้อยรายที่ใช้วิธีผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งที่โพรงหลังจมูกออกไป

ผลการรักษา ถ้าเป็นระยะแรก ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีมากกว่าร้อยละ 70) แต่ถ้าเป็นระยะแพร่กระจาย มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 40

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการคัดแน่นจมูกข้างหนึ่งหรือหูอื้อข้างหนึ่งเรื้อรังนานเป็นสัปดาห์ ๆ, มีน้ำมูกปนเลือด, มีเลือดกำเดาไหลบ่อย, ชาและเสียวที่แก้มข้างหนึ่ง, เจ็บคอหรือปวดหูเรื้อรัง, มีก้อนแข็งข้างคอขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 ซม. เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงหลังจมูก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบและงานจิตอาสาเท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนหรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวดประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก ซีด มีเลือดออก ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน กินไม่ได้ หายใจลำบาก เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งโพรงหลังจมูกด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    ลดการบริโภคอาหารที่มีสารไนโตรซามีน (ซึ่งมีในเนื้อสัตว์รมควัน หมักดอง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม)
    หลีกเลี่ยงการถูกสิ่งระคายเคือง เช่น กำยาน ควันธูป ควันไฟจากการเผาไม้หรือหญ้า

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการคัดแน่นจมูกทุกวันนานเกิน 2-3 สัปดาห์ กินยาแก้หวัดคัดจมูกไม่ทุเลา หรือมีอาการหูอื้อข้างหนึ่งร่วมด้วย พึงสงสัยว่าอาจเป็นโรคมะเร็งโพรงหลังจมูก และควรไปปรึกษาแพทย์

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

6
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


7
ปล่อยรถไมล์น้อย HONDA CR-V 1.5 ES AWD 2023 ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
HONDA CR-V ES 4WD สปอร์ตพรีเมียม เจเนอเรชันที่ 6 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 7 ก.พ. - 31 มี.ค. 2568
ซื้อวันนี้รับบัตรเติมน้ำมันฟรี มูลค่า 1,000 บาท

ราคาพิเศษ 1,268,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Honda
   รุ่น                   ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว          2023


8
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
เรา
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


9
คอนโดติดรถไฟฟ้า ชาโตว์ อินทาวน์ เกษตร แคมปัส (Chateau In Town Kaset Campus)
เริ่มต้น 2.29 ลบ.

ชาโตว์ อินทาวน์ เกษตร แคมปัส (Chateau In Town Kaset Campus)
เดินทางสะดวกใกล้ BTS ม.เกษตรฯ นั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวเข้าถึงใจกลางเมือง ใกล้แหล่ง Shopping แหล่ง Office Building พร้อมบริการรถรับส่ง Shuttle Service และส่วนกลางตลอด 24 ชั่วโมง ใกล้ ม.เกษตร และ ม.ศรีปทุม ตอบโจทย์นักศึกษา และยังเป็นคอนโด Pet Friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              ชาโตว์ อินทาวน์ เกษตร แคมปัส (Chateau In Town Kaset Campus)
 เจ้าของโครงการ        พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้
 แบรนด์ย่อย              ชาโตว์ อินทาวน์
 ราคา                     เริ่มต้น 2.29 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล            คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด          Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี          1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี            ตั้งแต่ 24.51 ถึง 46.63 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด            2 ไร่ 1 งาน 78 ตร.ว.
 จำนวนตึก                2 อาคาร
 จำนวนชั้น                8 ชั้น
 จำนวนห้อง               314 ยูนิต (อาคาร A 157 ยูนิต/อาคาร B 157 ยูนิต)
 ที่จอดรถทั้งหมด          35%
 ค่าบำรุงส่วนกลาง        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค            สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, รถรับส่ง, อื่นๆ (EV CHARGER, LOBBY, SKY BAR, SKY JOGGING, Digital Door Lock, Key card access, Smart Access), สวนหย่อม

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน       ลาดพร้าว, จตุจักร, ประชาชื่น
 ที่ตั้ง       ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:          ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(หมอชิต - คูคต)(ม.เกษตรศาสตร์)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
บริษัท อาร์เอส จำกัด
กรมยุทธโยธาทหาบก
โรงพยาบาลเปาโล
กรมพัฒนาที่ดิน
Tops market
ตลาดบางเขน
The Walk เกษตร-นวมินทร์
Crystal Design Center CDC
The Crystal
Central Festival Eastville
เมเจอร์รัชโยธิน

 ปีที่สร้างเสร็จ       2026

10
จัดฟันเด็ก เพื่อฟันแท้ในอนาคต

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่ามีความสำคัญมากพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ หลายคนคิดว่าฟันน้ำนมของลูกน้อย ไม่มีความสำคัญเพราะคิดว่าฟันน้ำนม เมื่อหลุดออกไปก็จะมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งความคิดนี้ถือว่าผิดเพราะว่าฟันน้ำนมของเด็กมีความสำคัญไม่แพ้ฟันแท้ เพราะฟันน้ำนมมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้โดยตรง หากว่าฟันน้ำนมหลุดก่อนวัยอันควร ก็อาจจะทำให้การขึ้นของฟันแท้ผิดปกติได้หรือบางครั้งฟันแท้อาจจะขึ้นไม่ครบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันห่างหรือฟันล้มได้ ดังนั้น ไม่ว่าเด็กจะอยู่ในช่วงของฟันน้ำนมหรือฟันแท้ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน สิ่งที่สำคัญก็คือควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีเพื่อป้องกันการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ในเรื่องของฟันของเด็ก หมั่นสังเกตอาการหรือพฤติกรรมที่ส่งผลทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพฟัน ควรที่จะปลูกฝังและสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็ก ได้เข้าใจว่าสุขภาพฟันนั้นมีความสำคัญในระยะยาวเพราะฟันจะอยู่กับเราตลอดชีวิต เราจึงต้องดูแลรักษาความสะอาดให้ดีอยู่เสมอ ควรสอนให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงามและไม่มีปัญหาฟัน แต่ถ้าหากว่าเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟัน ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นของฟันแท้ที่ผิดปกติหรือมีฟันน้ำนมที่หลุดก่อนวัยอันควร พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันเพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ

สำหรับการจัดฟันในเด็ก จะสามารถช่วยให้เด็กมีฟันที่สวยงามด้วยการจัดฟันในเด็ก ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วง 4-7 ปี ควรเข้ารับการจัดฟันในเด็ก โดยวิธีการใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งเป็นเครื่องมือการจัดฟันที่ใช้นวัตกรรมช่วยทำให้ปรับโครงสร้างของใบหน้า แก้ไขความผิดปกติของกล้ามเนื้อใบหน้า รวมไปถึงปรับตำแหน่งลิ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่ถูกต้องสมบูรณ์และยังช่วยในเรื่องของปัญหาการสบฟันของเด็ก เพราะในช่วงอายุ 4-7 ปีนั้น กระดูกขากรรไกรยังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตจึงเหมาะที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือ EF LINE และสำหรับเด็กที่อายุ 10 – 15 ปีก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กโดยการใช้เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น

เพราะเด็กในวัยนี้จะสามารถให้ความร่วมมือในการรักษา กลับทันตแพทย์ได้ดีกว่าเด็กอายุ 4-7 ปี เพราะเด็กในวัยนี้จะรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันได้ดีกว่า ดังนั้น การจัดฟันในเด็กจึงจะสามารถช่วยให้เด็กมีฟันแท้ที่สวยงามในอนาคตได้ ซึ่งทางคลินิก ของเรามีบริการทันตกรรมทางด้านการจัดฟันในเด็ก จึงสามารถให้คำแนะนำตั้งแต่วิธีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กไปจนถึงการปฎิบัติตัวระหว่างเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่สังเกตอาการของเด็กแล้วรู้สึกถึงปัญหาและความผิดปกติของสุขภาพฟันของลูกน้อย ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาก่อนการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันสวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เราเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็กและสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้อง พร้อมทั้ง ยังช่วยแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองพูดสร้างความเข้าใจให้กับเด็กว่าสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุหรือโรคเกี่ยวกับช่องปากในอนาคต เพราะเราเห็นความสำคัญของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กและอยากให้เด็กๆทุกคน มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

11
ท่อลมร้อน สามารถใช้ในบ้านได้หรือไม่

ท่อลมร้อนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบ้านได้ แต่ต้องเลือกประเภทและติดตั้งอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยทั่วไปแล้ว ท่อลมร้อนที่ใช้ในบ้านมักเกี่ยวข้องกับ:

ระบบระบายอากาศ:
ใช้ในการระบายอากาศร้อนจากห้องครัว ห้องน้ำ หรือห้องใต้หลังคา เพื่อลดความร้อนและความชื้นภายในบ้าน
ท่อลมประเภทนี้มักทำจากอลูมิเนียมหรือผ้าใบเคลือบ PVC ซึ่งมีความยืดหยุ่นและติดตั้งง่าย

เครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่:
เครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่มักมีท่อลมร้อนสำหรับระบายความร้อนออกจากตัวเครื่อง
ท่อลมประเภทนี้มักทำจากวัสดุยืดหยุ่น เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้าย

เครื่องดูดควันในห้องครัว:
ใช้ในการระบายควันและไอน้ำจากการทำอาหารออกจากห้องครัว
ท่อลมประเภทนี้มักทำจากโลหะ เช่น เหล็กกล้าสังกะสีหรือสแตนเลส เพื่อทนต่อความร้อนและคราบไขมัน


ข้อควรพิจารณาในการใช้ท่อลมร้อนในบ้าน:

ประเภทของท่อลม:
เลือกท่อลมที่เหมาะสมกับประเภทของงานและสภาพแวดล้อมภายในบ้าน
ท่อลมโลหะเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง ส่วนท่อลมผ้าใบเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น

ขนาดและรูปแบบของท่อลม:
เลือกขนาดท่อให้เหมาะสมกับปริมาณลมที่ต้องการระบาย
เลือกรูปแบบท่อที่ติดตั้งง่ายและเข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้าน

วัสดุของท่อลม:
เลือกวัสดุที่ทนทานต่อความร้อน ความชื้น และสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นในบ้าน

การติดตั้ง:
ติดตั้งท่อลมให้ถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อป้องกันการรั่วไหลของอากาศและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญหากไม่มีความรู้ความชำนาญ

การบำรุงรักษา:
ทำความสะอาดท่อลมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพการระบายอากาศลดลง

การติดตั้งและใช้งานท่อลมร้อนอย่างถูกต้องจะช่วยให้บ้านมีอากาศถ่ายเทสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

12
หมอออนไลน์: บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burns)

บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเพียงเล็กน้อยจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนพอทนได้ และค่อย ๆ หายไปได้เอง แต่ถ้าเป็นมาก (กินบริเวณกว้าง และแผลลึก) มักจะมีภาวะแทรกซ้อน ทำให้ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้

สาเหตุ

มักเกิดจากความประมาทเลินเล่อ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ สิ่งที่ทำให้เกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ที่พบได้แก่

1. ความร้อน เช่น น้ำร้อน (หม้อน้ำ กระติกน้ำ กาน้ำ ไอน้ำ) น้ำมันร้อน ๆ (ในกระทะ) ไฟ (เตาไฟ ตะเกียง บุหรี่ ประทัด พลุ) วัตถุที่ร้อน (เช่น เตารีด จานชามที่ใส่ของร้อน)

2. ไฟฟ้าช็อต ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน "ไฟฟ้าช็อต"

3. สารเคมี เช่น กรด ด่าง

4. รังสี เช่น แสงอัลตราไวโอเลต (แสงแดด) รังสีเรเดียม รังสีโคบอลต์ รังสีนิวเคลียร์ ระเบิดปรมาณู เป็นต้น

อาการ

อาการขึ้นอยู่กับขนาด ความลึก และตำแหน่งของบาดแผล

1. ขนาด หมายถึงบริเวณพื้นที่ของบาดแผล แผลขนาดใหญ่ (กินบริเวณกว้าง) จะมีอันตรายกว่าแผลขนาดเล็ก อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่ ถึงกับเกิดภาวะช็อกได้ และอาจมีโอกาสติดเชื้อถึงขั้นเป็นโลหิตเป็นพิษถึงตายได้

การประเมินขนาดกว้างของบาดแผล นิยมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวหนังทั่วร่างกาย ถ้าคิดหยาบ ๆ ให้เทียบเอาว่า แผลขนาดหนึ่งฝ่ามือ (ของผู้ป่วย) เท่ากับ 1% ของผิวหนังทั่วร่างกาย เช่น ถ้าแผลมีขนาดเท่ากับ 10 ฝ่ามือ ก็คิดเป็นประมาณ 10% เป็นต้น

ทางการแพทย์ได้แบ่งเปอร์เซ็นต์ของผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเป็นมาตรฐานทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ (ดังภาพที่แสดง) ซึ่งสะดวกในการคิดคำนวณ

บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

2. ความลึก ผิวหนังมีความลึก 2 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) และชั้นหนังเเท้ (dermis) เราแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ออกเป็น 3 ขนาดด้วยกัน ดังนี้

(1) บาดเเผลดีกรีที่ 1 หมายถึง บาดแผลที่มีการทำลายของเซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกเท่านั้น หนังกำพร้าชั้นในยังไม่ถูกทำลาย สามารถเจริญขึ้นมาแทนที่ส่วนผิวนอกได้ จึงมีโอกาสหายได้สนิทและไม่มีแผลเป็นยกเว้นถ้ามีการติดเชื้ออักเสบ

มักเกิดจากการถูกแดดเผา (อาบเเดด) การถูกน้ำร้อน ไอน้ำเดือด หรือวัตถุที่ร้อนเพียงเฉียด ๆ และไม่นาน

ผิวหนังส่วนที่เป็นบาดแผลจะมีลักษณะแดงบวมเล็กน้อย และปวดแสบปวดร้อน ไม่มีตุ่มพอง หรือหนังหลุดลอก มีลักษณะแบบเดียวกับรอยแดดเผา ซึ่งถือเป็นบาดแผลไหม้ดีกรีที่ 1 แบบหนึ่ง

บาดเเผลดีกรีที่ 1 ไม่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำและโปรตีน จึงไม่ต้องคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผิวหนังที่เกิดบาดแผล มักจะหายได้เองและไม่มีอันตรายร้ายแรง

(2) บาดแผลดีกรีที่ 2 หมายถึง บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าตลอดทั้งชั้น (ทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด) และหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้น ๆ (ใต้หนังกำพร้า) แต่ยังมีเซลล์ที่สามารถเจริญทดแทนส่วนที่ตายได้ จึงหายได้เร็วและไม่เกิดเป็นแผลเป็นเช่นกัน ยกเว้นถ้ามีการติดเชื้อ

มักเกิดจากการถูกของเหลวลวก หรือถูกเปลวไฟ

บาดแผลจะมีลักษณะแดงและพุเป็นตุ่มน้ำขนาดเล็กและใหญ่ ผิวหนังอาจหลุดลอกเห็นเป็นเนื้อแดง ๆ มีน้ำเหลืองซึม มีอาการเจ็บปวด อาจทำให้สูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่ และติดเชื้อได้ง่าย

(3) บาดแผลดีกรีที่ 3 หมายถึง บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขนเเละเซลล์ประสาท ผู้ป่วยมักไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดเเผล ผิวหนังทั้งชั้นจะหลุดลอกเห็นเป็นเนื้อแดง ๆ หรือแดงสลับขาว หรือเป็นเนื้อที่ไหม้เกรียม

มักเกิดจากไฟไหม้หรือถูกของร้อนนาน ๆ หรือไฟฟ้าช็อต

ถือเป็นบาดแผลที่ร้ายแรง อาจเกิดภาวะขาดน้ำหรือติดเชื้อรุนแรงได้ แผลมักจะหายยากและเป็นแผลเป็น

ในการเกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกแต่ละครั้ง อาจมีบาดแผลที่มีความลึกขนาดต่าง ๆ กันในคนเดียวกันได้ และบางครั้งในระยะแรกอาจแยกบาดแผลดีกรีที่ 2 เเละ 3 ออกจากกันไม่ชัดก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ชนิดนี้ล้วนถือเป็นบาดแผลที่มีอันตรายรุนแรง และควรคิดเปอร์เซ็นต์ของผิวหนังที่เกิดบาดแผล

3. ตำแหน่ง บาดแผลบนใบหน้า อาจทำให้เป็นแผลเป็นและเสียโฉมได้มาก ถ้าถูกบริเวณตา อาจทำให้ตาบอดได้ แผลที่มือและตามข้อพับต่าง ๆ อาจทำให้ข้อนิ้วมือและข้อต่าง ๆ มีแผลเป็นดึงรั้ง ทำให้เหยียดออกไม่ได้

ถ้าสูดควันไฟเข้าไปในปอดระหว่างเกิดเหตุ อาจทำให้เยื่อบุของทางเดินหายใจเกิดการอักเสบ กลายเป็นหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ อาจรุนแรงจนหายใจไม่ได้ ถึงตายได้

บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
 
ภาวะแทรกซ้อน

อาจมีภาวะขาดน้ำหรือการติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นอันตรายได้ นอกจากนี้อาจมีแผลเป็นขนาดใหญ่หรือแผลเป็นดึงรั้ง ทำให้แขนขาเหยียดออกไม่ได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นเพียงบาดแผลดีกรีที่ 1

ให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมสเตียรอยด์ หรือเจลว่านหางจระเข้ขององค์การเภสัชกรรมบาง ๆ หรือทาด้วยปิโตรเลียมเจลลี่หรือน้ำมันมะกอก และให้ยาแก้ปวดถ้ารู้สึกปวด

2. ถ้าเป็นบาดแผลดีกรีที่ 2 หรือ 3

(1) แพทย์อาจรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลโดยเร็ว ในกรณีต่อไปนี้

    บาดแผลดีกรีที่ 3 มีขนาดมากกว่า 2 ฝ่ามือ (2%)
    บาดแผลดีกรีที่ 2 มีขนาดมากกว่า 10 ฝ่ามือ (10%) ในเด็ก หรือ 15 ฝ่ามือ (15%) ในผู้ใหญ่
    บาดแผลที่ตา หู ใบหน้า มือ เท้า อวัยวะสืบพันธุ์ ตามข้อพับต่าง ๆ
    บาดแผลในทารก เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
    สูดควันไฟเข้าไประหว่างเกิดเหตุ
    มีภาวะช็อก

(2) ถ้าไม่มีอาการดังกล่าวในข้อ (1) อาจให้การรักษาโดย

    ชะล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่
    ถ้ามีตุ่มพองเล็ก ๆ เพียง 2-3 ตุ่ม เกิดที่ฝ่ามือ ไม่ควรใช้เข็มเจาะ ให้ทาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือทิงเจอร์ใส่แผลสด (merthiolate) แล้วปิดด้วยผ้าก๊อซ ตุ่มจะค่อย ๆ แห้งและหลุดล่อนไปเองใน 3-7 วัน
    ถ้ามีตุ่มพองที่แขนขา หลังมือ หลังเท้า หลังจากทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่แล้ว ให้ใช้มีดหรือกรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อ (เช่น แช่ในแอลกอฮอล์แล้ว) เจาะเป็นรู แล้วใช้ผ้าก๊อซที่ปราศจากเชื้อกดซับน้ำเหลืองให้แห้ง ใช้โพวิโดนไอโอดีนหรือทิงเจอร์ใส่แผลสดทา แล้วพันด้วยผ้ายืดให้ผิวที่พองกดแนบสนิท ภายใน 2-3 วัน หนังที่พองจะหลุดล่อน
    ถ้ามีตุ่มพองเป็นบริเวณกว้าง ให้ใช้กรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อขริบเอาหนังที่พองออก แล้วล้างด้วยน้ำเกลือ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมซัลฟาไมลอน (Sulfamylon) ขี้ผึ้งแบกตาซิน (Bactacin) น้ำยาโพวิโดนไอโอดีน ครีมซิลเวอร์ซัลฟาไดอาซีน (silver sulfadiazine) หรือพ่นด้วยสเปย์พรีเดกซ์ (Predex spray)

ถ้าเป็นบริเวณแขนหรือขา ให้ใช้ผ้าพัน

ถ้าเป็นที่หน้าหรือลำตัว ให้เปิดแผลไว้ ควรล้างแผลและใส่ยาวันละ 1-2 ครั้ง เมื่อดีขึ้นค่อยทำห่างขึ้น

    ให้พาราเซตามอลบรรเทาปวด ฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่บาดแผลติดเชื้อ
    ถ้าบาดแผลลึก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft)

การดูแลตนเอง

เมื่อเกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว


การปฐมพยาบาล

เมื่อเกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรทำการปฐมพยาบาล ดังนี้

1. สำหรับบาดแผลเล็กน้อย หมายถึง บาดแผลที่มีลักษณะเป็นรอยแดงคล้ายถูกแดดเผา มีอาการปวดแสบปวดร้อน และอาจมีอาการบวมเล็กน้อย (บาดแผลดีกรีที่ 1) หรือเป็นตุ่มพอง (บาดแผลดีกรีที่ 2) ขนาดเล็กน้อยและมีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 8 เซนติเมตร

    รีบใช้น้ำเย็น หรือน้ำก๊อก ประคบบริเวณที่มีบาดแผล เพื่อลดอาการปวดแสบปวดร้อน และป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อถูกทำลายมากขึ้น

อาจใช้วิธีเปิดน้ำก๊อกให้ไหลชะรอยแผลอย่างต่อเนื่อง หรือแช่ในน้ำเย็น หรือใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็น หรือใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำเย็นวางตรงบริเวณที่มีบาดแผล อย่างน้อย 20 นาที หรือจนกว่าอาการปวดแสบปวดร้อนทุเลาลง

    ถ้าเป็นรอยแดง ปวดแสบปวดร้อน หลังซับให้แห้งแล้วใช้วุ้นจากใบหางจระเข้ (เช่น เจลว่านหางจระเข้) หรือวาสลีนทาวันละ 2-3 ครั้ง (ควรทาเบา ๆ ระวังอย่าลูบหรือถูแรง ๆ อาจกระทบต่อผิวหนังที่บาดเจ็บอยู่ได้) ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ปิดแผล หรือผ้าก๊อซที่สะอาด
    ถ้าเป็นตุ่มพอง ไม่ควรเจาะออก ควรปล่อยให้แห้งและหลุดล่อนไปเอง (ถ้าตุ่มแตกเองให้ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผลหรือน้ำสะอาด) หลังซับให้แห้งปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ปิดแผลหรือผ้าก๊อซที่สะอาด แต่อย่าให้แน่นมาก
    ถอดเครื่องประดับ (เช่น แหวน กำไล) ออกจากปลายแขนหรือขาที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก หากปล่อยไว้จนมีอาการบวมแล้วจะถอดได้ยาก หรือทำให้เกิดอันตรายได้
    ถ้าปวดแผล กินพาราเซตามอล*

    ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

1. มีอาการปวดมาก หรือกินยาแก้ปวดไม่บรรเทา
2. รอยแดงมีขนาดกว้างมาก หรือเป็นที่บริเวณใบหน้า หู ตา หรือตามข้อพับต่างๆ หรือพบในทารกหรือผู้สูงอายุ
3. ตุ่มพองมีขนาดใหญ่ หรือกินบริเวณกว้าง (มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 8 เซนติเมตร) หรือเกิดขึ้นที่บริเวณหู ตา ใบหน้า มือ เท้า ขาหนีบ ตามข้อพับต่าง ๆ อวัยวะเพศ หรือก้น
4. บาดแผลไม่หายใน 1 สัปดาห์ หรือตุ่มพองมีการอักเสบหรือเป็นหนอง
5. มีความวิตกว่าบาดแผลมีความรุนแรงเกินกว่าจะดูแลรักษาด้วยตนเอง

2. สำหรับบาดแผลที่รุนแรง หมายถึง บาดแผลลึก ผิวหนังทั้งชั้นหลุดลอกเห็นเป็นเนื้อแดง ๆ หรือแดงสลับขาว หรือเป็นเนื้อที่ไหม้เกรียม (บาดแผลดีกรีที่ 3) หรือเป็นตุ่มพอง (บาดแผลดีกรีที่ 2) ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 8 เซนติเมตร หรือ มีตุ่มพองเกิดขึ้นที่บริเวณหู ตา ใบหน้า มือ เท้า ขาหนีบ ตามข้อพับต่าง ๆ อวัยวะเพศ หรือก้น ควรรีบไปโรงพยาบาล

ควรให้การปฐมพยาบาลก่อนไปโรงพยาบาล ดังนี้

    เปลื้องเสื้อผ้าออกจากบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก หรือตัดออกเป็นชิ้น ๆ แต่ถ้าเสื้อผ้าติดกับบาดแผลแน่นก็ไม่ต้องดึงออก เพราะจะเจ็บมาก ควรใช้ผ้าสะอาดคลุม
    ให้ยกส่วนที่มีบาดแผลไว้ให้สูงกว่าระดับหัวใจ
    ถอดเครื่องประดับ (เช่นแหวน กำไล) ออกจากปลายแขนหรือขาที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก หากปล่อยไว้จนมีอาการบวมแล้วจะถอดได้ยาก หรือทำให้เกิดอันตรายได้
    ถ้าผู้ป่วยกระหายน้ำ หรือใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงสถานพยาบาล ควรให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรืออาจให้กินน้ำส้มคั้นใส่เกลือก็ได้ ควรให้ดื่มครั้งละ 1/4-1/2 แก้ว ทุก ๆ 15 นาที
    ควรใช้ผ้าสะอาดบาง ๆ คลุมร่างกายของผู้ป่วย และให้ผู้ป่วยนอนยกเท้าสูงเล็กน้อย
    ถ้าปวด ให้กินพาราเซตามอล*
    ถ้ามีภาวะช็อก (หน้าซีด เหงื่ออก ตัวเย็น หน้ามืด จะเป็นลม) ให้ทำการปฐมพยาบาล โดยให้ผู้ป่วยนอนราบศีรษะต่ำ หาอะไรมารองที่ใต้เท้า หรือยกเท้าให้สูงกว่าระดับหัวใจ ใช้ผ้าหนา ๆ หรือผ้าห่มคลุมหรือห่อตัวให้อบอุ่น รีบนำส่งโรงพยาบาล หรือติดต่อรถพยาบาลมารับ

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

ควรหาทางป้องกันบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกโดย

    อย่าให้เด็กเล็กเล่นในห้องครัว
    อย่าวางกาน้ำร้อน หม้อน้ำแกง กระติกน้ำร้อน ตะเกียง ไม้ขีดหรือวัตถุอื่น ๆ ที่มีความร้อนไว้ใกล้มือเด็ก
    อย่าวางบุหรี่ ตะเกียง ใกล้ผ้าห่ม มุ้ง หรือสิ่งที่อาจติดไฟได้ง่าย

ข้อแนะนำ

1. การปฐมพยาบาลบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่แนะนำในปัจจุบันคือ รีบใช้น้ำเย็นประคบทันทีหลังเกิดเหตุ อย่าใช้ยาสีฟัน น้ำปลา หรือยาหม่องทา

2. บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่เกิดในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ถึงแม้จะมีขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็อาจมีอันตรายมากกว่าที่พบในคนหนุ่มสาว ดังนั้นจึงควรแนะนำไปรักษาที่โรงพยาบาลทุกราย

3. บาดแผลที่ข้อพับ อาจทำให้เกิดแผลเป็นดึงรั้งข้อต่อให้คดงอ (เหยียดไม่ได้) สามารถป้องกันได้โดยใช้เฝือกดามข้อในบริเวณนั้นตั้งแต่แรก

4. ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ ในระยะ 2-3 วันแรก คือ ภาวะขาดน้ำและช็อก ถ้ามีบาดแผลกว้าง แพทย์จะให้สารน้ำ ได้แก่ ริงเกอร์เเล็กเทต (Ringer’s lactate) น้ำเกลือและพลาสมา

ส่วนการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นหลังจากมีบาดแผล 2-3 วันไปแล้ว (หรือหลัง 1 สัปดาห์) ถ้าบาดแผลมีขนาดกว้างก็มีโอกาสติดเชื้อรุนแรง

โดยทั่วไปถือว่าบาดแผลดีกรีที่ 2 ที่มีขนาดมากกว่า 30% และบาดเเผลดีกรีที่ 3 ที่มีขนาดมากกว่า 10% ถือเป็นบาดแผลรุนแรง รักษายากและมักจะมีอัตราตายสูง

5. ผู้ที่มีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรกินอาหารโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่วต่าง ๆ) ให้มาก ๆ เพราะร่างกายมีการสูญเสียโปรตีนออกไปทางบาดแผล

หลังบาดแผลหายใหม่ ๆ ควรระวังอย่าให้รอยแผลเป็นโดนแสงแดด ถ้าจำเป็นต้องออกกลางแดด ควรใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมรอยแผล หรือทายากันแดด จนกว่าผิวหนังจะฟื้นจนเป็นปกติดี


6. ถ้ามีบาดแผลถูกกรดหรือด่าง ควรให้การปฐมพยาบาล โดยรีบชะล้างแผลด้วยน้ำก๊อก นานอย่างน้อย 5 นาที แล้วส่งโรงพยาบาล แพทย์อาจให้การรักษาแบบเดียวกับบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

13
บริการด้านอาหาร: ประโยชน์ของไขมันคืออะไร

หากพูดถึงไขมัน แค่ได้ยินชื่อ หลายคนก็คงคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีและเป็นอันตรายต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสาวๆที่รักสุขภาพและกำลังลดน้ำหนัก อาจจะคิดว่าไขมันเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคอ้วน หรือเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราน้ำหนักขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วไขมัน ก็คือ ส่วนประกอบของอาหารชนิดหนึ่งที่อยู่ในสารอาหารหลัก 5 หมู่ ก็คือสารอาหาร ประเภทไขมันนั่นเอง ไขมัน ไม่ได้มีแต่โทษตามที่ใครหลายคนคิดเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ที่ดีกับร่างกายของเราด้วย หากรับประทานอย่างถูกวิธีในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะทำให้เราไม่เสี่ยงที่เป็นโรคอ้วนได้ เพราะชนิดของไขมันก็สำคัญไม่แพ้กัน

หากเลือกรับประทานไขมันชนิดที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ซึ่งต้องบอกว่า พฤติกรรมการรับประทานอาหารของแต่ละคนนั้น ย่อมมีความแตกต่างกัน บางคนชื่นชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือบางคนเลือกที่จะเลี่ยงการรับประทานไขมัน เช่น การหันไปรับประทานอาหารคลีน หรืออาหารที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการการปรุงอาหารมาก แต่อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า การรับประทานไขมันก็ดีต่อร่างกาย และเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ ดังนั้น เราจะต้องเลือกรับประทานให้เหมาะสม และต้องทราบว่า ไขมันนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาพูดถึงประโยชน์ของไขมันที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่ามันดีต่อร่างกายอย่างไร

อาหารประเภทไขมัน จะให้พลังงานต่อร่างกาย เพื่อให้สามารถนำพลังงานที่ได้รับไปใช้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน โดยไขมัน 1 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 9 กิโลแครอลี่ และยังเก็บเป็นพลังงานสำรองของร่างกายเอาไว้ หากร่างกายขาดพลังงานที่มาจากคาร์โบไฮเดรต ไขมันช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย โดยไขมันจะถูกเก็บไว้ใต้ผิวหนัง และช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะภายในร่างกายได้อีกด้วย เป็นตัวช่วยในการละลายวิตามินต่างๆที่ร่างกายได้รับไป เช่น วิตามิน A วิตามิน D วิตามิน E และ วิตามิน K

เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเหล่านี้ไปใช้งาน โดยไขมันจะถูกแบ่งออกเป็น คอเลสเตอรอล อยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ของสัตว์ เช่น นม เนย และไตรกลีเซอไรด์ เป็นไขมันหลักที่เรารับประทานจากอาหาร แบ่งเป็นไขมันอิ่มตัว อาทิ ไขมันจากสัตว์ ไขมันจากนม เนย ชีส และจากพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิเป็นต้น และไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว คือไขมันที่ภายในโมเลกุลมีพันธะคู่อยู่ตำแหน่งเดียว พบได้ในน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดชา ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน คือไขมันที่ภายในโมเลกุลมีพันธะคู่อยู่หลายตำแหน่ง พบได้ในน้ำมันพืชทั่วไป เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันงา เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องรับประทานไขมันในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย รับประทานไขมันธรรมชาติ โดยควรรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลัก และไขมันที่ดีที่สุดคือไขมันจากพืช ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในระยะยาว ควรหลีกเลี่ยงคือไขมันทรานส์ เพราะส่งผลเสียต่อร่างกายมากที่สุด และควรเลือกรับประทานอาหารอย่างหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน

รวมทั้งออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและห่างไกลโรค และหากมีโรคประจำตัวก็ควรไปพบแพทย์ก่อนเปลี่ยนวิธีรับประทานอาหารให้เหมาะกับสุขภาพของเรา เพื่อป้องกันความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง ดังนั้น เมื่อเรารู้วิธีการรับประทานอาหารที่มีไขมันแล้ว ก็ควรเลือกรับประทานให้เหมาะสม เพื่อให้ห่างไกลจากภาวะโรคอ้วน และสำหรับสาวๆที่กำลังปั้นหุ่น แน่นอนว่า สามารถนำวิธีการเหล่านี้ไปปรุงอาหารในแบบที่ตัวเองชอบได้ อาจจะใส่วัตถุดิบอื่นๆลงไป เพื่อให้ได้รับการอาหารอย่างครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรพยายามรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานในแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว ต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารให้มากเป็นพิเศษ และต้องรับประทานอาหารให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

14
ตรวจอาการด้วยตนเอง: เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ (Cellulitis)

เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ เป็นการอักเสบของผิวหนังชั้นหนังแท้และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นที่อยู่ลึก (ชั้นไขมัน)

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ ซึ่งติดมาจากทางเดินหายใจ และสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มอื่น ส่วนน้อยอาจเกิดจากเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส นิวโมค็อกคัส เชื้อแบคทีเรียแกรมลบ (เช่น วิบริโอวาลนิฟิคัส*) เชื้อเข้าไปทางบาดแผล รอยถลอก หรือรอยแตกแยกของผิวหนัง (เช่น แมลงกัด หนามตำ ผิวหนังมีรอยขีดข่วน)

ผู้ที่เป็นเบาหวาน เอดส์ กินยาสเตียรอยด์เป็นประจำ หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ คนอ้วน หรือมีบาดแผลหรือโรคผิวหนัง (เช่น ผิวหนังอักเสบ อีสุกอีใส งูสวัด ฮ่องกงฟุต โซริอาซิสหรือสะเก็ดเงิน) แขนขาบวมเรื้อรัง หรือเคยเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบมาก่อน มีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบมากกว่าปกติ

*ผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ เบาหวาน มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น ถ้ามีการติดเชื้อวิบริโอวาลนิฟิคัส (Vibrio vulnificus) ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้ออหิวาต์ เชื้ออาจเข้าสู่กระแสเลือดกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ มีอัตราตายสูงถึงประมาณร้อยละ 50

การติดเชื้อมักเกิดจากการกินอาหารทะเล (เช่น หอยนางรม) ที่ปนเปื้อนเชื้อนี้แบบดิบ ๆ ในคนที่แข็งแรงดี มักแสดงอาการแบบอาหารเป็นพิษ คือ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน หลังกินอาหารทะเลประมาณ 16 ชั่วโมง แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำโดยเฉพาะถ้าเป็นตับแข็ง ก็มักจะกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ มีอาการไข้ หนาวสั่น ความดันเลือดตก ผิวหนังขึ้นเป็นตุ่มน้ำ (bleb) ถ้าเป็นรุนแรงจะเป็นตุ่มน้ำที่มีเลือดปน (hemorrhagic bleb)

นอกจากนี้ อาจเกิดจากการสัมผัสกับน้ำทะเลที่มีเชื้อนี้โดยตรง เช่น ลงเล่นน้ำทะเลขณะมีบาดแผลที่ผิวหนัง ถูกปะการังหรือเปลือกหอยบาดในน้ำทะเล เป็นต้น ผู้ป่วยจะแสดงอาการแบบเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังส่วนลึกอักเสบ ซึ่งต่อมาจะเกิดตุ่มน้ำ มีเนื้อตายเกิดขึ้น และเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ

ภาวะร้ายแรงนี้ ยังอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียแกรมลบชนิดอื่น เช่น วิบริโออัลจิโนไลติคัส (Vibrio alginolyticus) วิบริโอพาราฮีโมไลติคัส (เชื้อชนิดหลังนี้จะมีอาการอาหารเป็นพิษร่วมด้วย)

ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำที่มีเลือดปน หลังกินอาหารทะเลแบบดิบ ๆ หรือหลังเล่นน้ำทะเล ควรคิดถึงภาวะร้ายแรงชนิดนี้ และส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยเร็ว ถ้าได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และการดูแลรอยโรคที่ผิวหนังได้ถูกต้องและทันท่วงที ก็มีโอกาสหายได้

ผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการกินหอยนางรมและอาหารทะเลแบบดิบ ๆ และการเล่นน้ำทะเลขณะมีบาดแผลที่ผิวหนัง ถ้าหากเล่นน้ำทะเลแล้วเกิดบาดแผล ถูกหอยหรือปะการังบาด ควรรีบทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่และใส่ยาฆ่าเชื้อ (เช่น โพวิโดนไอโอดีน แอลกอฮอลล์) ทันที

อาการ

ผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นแดงจัด ลามออกอย่างรวดเร็ว กดเจ็บ และคลำดูออกร้อน ขอบผื่นไม่ชัดเจน และไม่ยกนูนจากผิวหนังปกติ (จะกลืนไปกับผิวหนังปกติ) ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่บริเวณขาและเท้า อาจพบที่ใบหน้า แขน มือ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

อาจมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงอาจโตและกดเจ็บ มีท่อน้ำเหลืองอักเสบเห็นเป็นเส้นสีแดง

บางรายอาจมีตุ่มน้ำหรือฝีร่วมด้วย ซึ่งเมื่อแตกจะมีเนื้อตายเกิดขึ้น

เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ
อาการแสดงของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ


ภาวะแทรกซ้อน

หากเป็นโรคนี้ซ้ำซาก อาจทำลายระบบทางเดินน้ำเหลือง ทำให้เท้าข้างเป็นโรคบวมเรื้อรังได้

เชื้ออาจลุกลามเข้าเนื้อเยื่อในชั้นที่อยู่ลึกลงไป ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง ทำให้เนื้อตาย และอาจลุกลามเข้ากระแสเลือดกลายเป็นโลหิตเป็นพิษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวาน กินยาสเตียรอยด์มานาน หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำจากสาเหตุอื่น

ในรายที่เกิดจากเชื้อบีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ อาจทำให้เป็นหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้ (มีอาการไข้สูง บวมทั้งตัว ปัสสาวะสีแดง) ซึ่งพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ถ้าจำเป็นแพทย์จะนำหนองจากรอยโรคไปตรวจหาเชื้อ เอกซเรย์ หรือนำเลือดไปเพาะเชื้อในรายที่มีภาวะโลหิตเป็นพิษ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้ผู้ป่วยพักผ่อน พยายามอย่าเคลื่อนไหวส่วนที่อักเสบ และยกแขนหรือขาส่วนที่อักเสบให้สูง และใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ

ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้ตามปกติ ไม่มีของแสลง ควรกินอาหารพวกโปรตีน (เนื้อ นม ไข่ ถั่วต่าง ๆ) ให้มาก ๆ

ให้ยาแก้ปวดลดไข้ ถ้าปวดหรือมีไข้

2. ให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น เพนิซิลลินวี, อีริโทรไมซิน, โคอะม็อกซิคราฟ) ถ้าดีขึ้นให้ยาปฏิชีวนะต่อจนครบ 10 วัน

3. ถ้าไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรงหรือสงสัยมีภาวะโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อน หรือพบในผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด บางรายอาจต้องทำการผ่าตัดระบายหนองหรือตัดเอาเนื้อตายออกไป

การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีไข้สูง หนาวสั่น ซึม เบื่ออาหาร หรือการอักเสบรุนแรงมากขึ้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

เมื่อมีบาดแผล รอยถลอก หรือรอยแตกแยกของผิวหนัง (เช่น แมลงกัด หนามตำ ผิวหนังมีรอยขีดข่วน หรือ ฮ่องกงฟุต)

    ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ทันที เพื่อชะล้างเอาสิ่งสกปรกออกไป
    ทารอบแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน
    อย่าให้แผลถูกน้ำ หรือใช้น้ำลาย น้ำหมาก หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ พอกที่แผล
    ควรพักส่วนที่เป็นบาดแผลให้มาก ๆ
    กินอาหารได้ตามปกติ ควรกินอาหารพวกโปรตีน ผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำในทะเล และระวังไม่ให้แผลถูกน้ำทะเล
    ถ้าบาดแผลสกปรก แผลถูกสัตว์หรือคนกัด ถูกตะปู หรือถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกพอง หรือพบบาดแผลในผู้ป่วยเบาหวาน เอดส์ โรคตับเรื้อรัง หรือโรคไตเรื้อรัง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม

ข้อแนะนำ

ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก หากปล่อยปละละเลย อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายได้


15
โปรโมชั่นแท็บเล็ต เลือกซื้อรุ่นไหนดี? Redmi Pad VS realme Pad สองแท็บเล็ตราคาหลักพันกับโจทย์ใช้เรียน ทำงาน และขายของออนไลน์

หลังจากเคยแนะนำแท็บเล็ตฝั่ง iOS อย่าง iPad ไปแล้ว (อ่านบทความย้อนหลัง) รอบนี้ขอมาที่ฝั่งของแท็บเล็ต Android OS กันบ้างครับ หลังจากที่เงียบเหงามานานล่าสุดตลาดแท็บเล็ต Android ปีนี้ก็กลับมาครึกครื้นอีกรอบ โดยเฉพาะในกลุ่มแท็บเล็ตราคาหลักพันบาท ที่มีตัวเลือกในตลาดให้เลือกซื้อกันหลายรุ่น

ซึ่งรอบนี้ผมขอหยิบสองรุ่นเด่น ที่มีสเปกตัวเครื่อง ดีไซน์ ประสิทธิภาพ รวมถึงราคาวางจำหน่ายที่ใกล้เคียงกันมากอย่าง Redmi Pad และ realme Pad มาแนะนำพร้อมเปรียบเทียบข้อมูลให้ทุกคนได้พิจารณาไปพร้อมกันครับ โดยเฉพาะใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเครื่องใหม่ สำหรับใช้เรียนออนไลน์ ทำงานทั่วไป หรือขายของออนไลน์ห้ามพลาดเลย!!
                           
| จอแสดงผล
หน้าจอแสดงผลของทั้งสองรุ่น ถึงแม้จะเป็นจอชนิดเดียวกัน ความละเอียดเท่ากัน และรองรับการแสดงผลใกล้เคียงกัน แต่ขนาดหน้าจอของทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกัน รวมถึงค่า Refresh rate ด้วย

หน้าจอแสดงผล Redmi Pad
โดย Redmi Pad จะมีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 10.61 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K และมีค่า Refresh rate 90Hz ในขณะที่ realme Pad จะมีหน้าจอแสดงผลขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2K และมีค่า Refresh rate 60Hz เท่านั้น

ชิปประมวลผล | ROM Type
ด้านการประมวลผล ทั้งสองแบรนด์เลือกใช้ชิปประมวลผลจาก MediaTek G Series ด้วยกันทั้งคู่ และมีรุ่นของขนาดความจุ RAM กับ ROM ที่คล้ายกัน เพียงแต่ของ Redmi Pad จะใช้เป็น MediaTek Helio G99 และใช้ ROM แบบ UFS 2.2 ทุกรุ่นย่อย ในขณะที่ realme Pad จะใช้ชิปประมวลผลเป็น MediaTek Helio G80 และมี ROM แบบ eMMC 5.1

ดังนั้นในด้านการเขียนอ่านข้อมูลจะมีความแตกต่างเกิดขึ้นแน่นอน และก็จะส่งผลต่อการประมวลผลในภาพรวมของตัวเครื่องเมื่อเราต้องใช้งานในระดับที่สูงขึ้น แต่ถ้าหากใช้งานทั่วไปแทบจะไม่มีความแตกต่างเลยล่ะครับ

แบตเตอรี่
ด้านพลังงานก็เป็นอีกจุดที่มีความแตกต่างกันแบบมีนัยสำคัญระหว่างแบตเตอรี่ขนาดความจุ 7100 mAh บน realme Pad และแบตเตอรี่ขนาดความจุ 8000 mAh บน Redmi Pad

ดังนั้นใครที่ต้องใช้งานห่างจากแหล่งชาร์จไฟเป็นระยะเวลานาน แนะนำว่าทาง Redmi Pad น่าจะตอบโจทย์มากกว่า ถึงแม้ขนาดความจุจะต่างกันไม่มากแต่ก็มีผลต่อชั่วโมงการใช้งานครับ

♦ สรุป | Conclusion                                                                               
บทสรุปของแท็บเล็ตแอนดรอยด์ทั้งสองรุ่นนี้ ถ้ามองกันตามข้อมูลสเปกตัวเครื่องทาง Redmi Pad จะได้เปรียบจากการที่เปิดตัวตามมาในภายหลัง ดังนั้นความสดใหม่ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ยังไง Redmi Pad ก็เด่นกว่าค่อนข้างชัดเลย
แต่ถ้าหากเรามองเป็นภาพรวมในด้านการใช้งาน และผลลัพธ์ที่คาดหวังให้เป็นแท็บเล็ตที่มีความอเนกประสงค์ สามารถตอบรับทุกการใช้งานในไลฟ์สไตล์ได้ ขอไม่ต้องสุด แต่ก็ไม่ได้แย่เกินไป แท็บเล็ตทั้งสองรุ่นนี้เป็นคำตอบให้ได้
เพราะมีความแตกต่างกันน้อยมากครับ สามารถใช้งานในด้านของการนำไปเรียนออนไลน์ ใช้อ่านไฟล์เอกสาร ไฟล์ e-Book รวมถึงใช้อ่านคอมเม้นต์ตอนไลฟ์ขายของก็ได้ดีทั้งคู่เลย แต่ถ้าหากใครที่ต้องการความสดใหม่โดยเฉพาะด้านฮาร์ดแวร์อย่าง เช่น ROM Type, CPU หรือ Bluetooth 5.3 เป็นต้น ทาง Redmi Pad จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของการเปรียบเทียบครั้งนี้ครับ

หน้า: [1] 2 3 ... 32
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google